กุญแจไขปริศนาฆ่า สาวจอมแฉ

เข้มข้นเขม็งเกลียวทุกขณะแล้ว คดีสังหารโหดสะเทือนขวัญ นางระวีรรรณ เสตะรัต หรืออภัสนันท์ ฐิติโชติชัยปรีชา อายุ 54 ปี เจ้าของฉายา สาวจอมแฉ


ตกเป็นเป้ามือปืนกระหน่ำยิงด้วยปืนขนาด 6.35 มม. กระสุนเจาะหน้าอก 3 นัด โดย 1 นัดตัดขั้วหัวใจทะลุหลังและอีก 1 นัดที่ต้นแขนขวา ญาตินำส่งโรงพยาบาลเวชธานี แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทางอย่างน่าอนาถ เหตุเกิดช่วงค่ำวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาบริเวณหน้าทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นเลขที่ 295 หมู่บ้านฉัตรแก้ว ซอย 11 ถนนแฮปปี้แลนด์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
 
ย้อนกลับไปก่อนพบจุดจบ นางระวีวรรณ ผ่าตัดศัลยกรรมรอบดวงตาปลายเดือน เม.ย. 46 ที่สถาบันความงามย่านดอนเมือง

โดยต้องการเพียง “ดึงหน้า” ลบรอยเหี่ยวย่น แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใช้เทคนิคใหม่แบบ “ไบโอเทคโนโลยี” ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์พิเศษนำเข้าจากต่างประเทศที่ได้ผลดีกว่า หลังจากยอมให้ฉีดสารไบโอที่แก้มปรากฏว่าสารเกิดแข็งตัว แพทย์บอกว่าต้องให้เวลาสักพักหนึ่งก่อนเพื่อให้สารปรับตัว ต่อมา นางระวีวรรณ ไปทำศัลยกรรมเปลือกตาอีก แพทย์ดูดไขมันที่ขมับออก แต่ดูดมากเกินไปทำให้ผิวหนัง เป็นรูโหว่ แพทย์อ้างว่ารูปหน้าผิดปกติ ต่อมาสารไบโอแข็งตัวมากขึ้นจนต้องผ่าตัด ขูดทิ้ง

นับจากการเข้าทำศัลยกรรมความงามและแก้ไขสิ่งผิดปกตินานกว่า 2 ปี รวมไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง


ทุกครั้งจะเกิดปัญหาต้องให้แพทย์แก้ไขตลอด สุดท้ายผลของการผ่าตัดบ่อย ๆ ทำให้ตา 2 ข้างผิดรูป ตาข้างซ้ายเวลานอนหลับไม่สนิทและขอบตาบวมช้ำ น้ำตาไหลตลอดเวลา จนกระทั่ง นางระวีวรรณ ตัดสินใจร้องเรียนสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ทำให้เป็นที่รู้จักคุ้นหน้าคุ้นตาของผู้คนในสังคม อย่างไรก็ตามทางสถาบันความงามแถลงข่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยืนยันว่าคนไข้รายนี้เคยฉีด ซิลิโคนเหลวจากที่อื่นมาก่อน สถาบันเพียงแก้ไขให้ช่วยรักษาให้และไม่เคยฉีดสารให้ตามที่คนไข้กล่าวอ้างและระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการดิสเครดิตสถาบันเท่านั้น
 
ต่อมาวันที่ 19 ส.ค. 48 นางระวีวรรณ ดังกระหึ่มเป็นพลุแตกจนเป็นที่มาของฉายา “สาวจอมแฉ” ในคราวปูดข่าว  “รมต.ฉีดเจ้าโลก” กลางงานเสวนาของสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยในหัวข้อเรื่อง  “ดอกรักสู่ระบบการเยียวยา ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากบริการทางการแพทย์” พร้อมนำวีซีดีบันทึกภาพขณะแพทย์ฉีดเจ้าโลกผู้ชายคนหนึ่งมาแจกสื่อมวลชนและอ้างว่าเป็นบุคคลชื่อดังระดับรัฐมนตรีในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้เป็นที่มาของคำว่า “รัฐบาลเจ้าโลก” ติดปากผู้คนทุกชนชั้น

ทั้งหมดเป็นมูลเหตุให้เกิดการฟ้องร้องกันไปมาระหว่าง นางระวีวรรณ และสถาบันความงาม

ทั้งทางแพ่งและอาญามากกว่า 7 คดี ทั้งสองฝ่ายมีกำหนดขึ้นเบิกความต่อศาลปลายปี 50 จนถึงปี 51 และในวันที่ 31 ส.ค. 49 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องในคดีที่สถาบันความงามเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางระวีวรรณ ฐานหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จากนั้นมาผู้คนแทบจะลืมชื่อ “สาวจอมแฉ” ไปจากความทรงจำ ในขณะที่เธอกลับต้องเผชิญความน่าสะพรึงกลัวของกลุ่มผู้ไม่หวังดีตามหมายเอาชีวิตและขู่ฆ่าจนต้องเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่เป็น อภัสนันท์ ฐิติโชติชัยปรีชา เพื่อความปลอดภัย แต่ไม่วายบ้านพักที่ จ.ราชบุรี ถูกมือมืดราดน้ำมันเบนซินหวังจุดไฟเผา เดชะบุญมีชาวบ้านเห็นช่วยดับได้ทันและวันที่ 8 พ.ย. 49 นางระวีวรรณ ถูกคนร้ายกระหน่ำยิงระหว่างจอดรถติดไฟแดงแต่รอดชีวิตมาได้ จนช่วงค่ำวันที่ 13 ก.ย. สาวจอมแฉก็ปิดฉากชีวิตลงหลังจากถูกมือปืนคือ นายจตุรงค์ บุกยิงหน้าบ้านพักย่านบางกะปิ

ในเบื้องต้นคดีนี้ถูกวิเคราะห์สาเหตุเอาไว้หลายเรื่องทั้งความขัดแย้งส่วนตัว ชู้สาวและกรณีพิพาทฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมคลินิกศัลยกรรมความงามชื่อดัง ไบโอคลินิก ย่านดอนเมือง


จนกระทั่ง ว่าที่ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการ ผบก.ป. สั่งจัดชุดเฉพาะกิจคลี่คลายคดีจนสามารถจับกุม นายจตุรงค์ หรือตึ๋ง เบ็ญกูล มือปืนคนลั่นกระสุนได้ในเวลาต่อมา ทำให้ปริศนาคดีถูกไขคำตอบออกมาเห็นเป็นรูปเป็นร่างว่าเป็นการจ้างวานฆ่าแน่ชัด โดยมือปืนซัดทอดว่ามีพรรคพวกอีก 2 คนคือ นายประกอบ หรือกอบ สีนาด อายุ 29 ปี และ นายศักดา เฮงสวัสดิ์ อายุ 32 ปี น้องชายของ นพ.กวีวัธน์ หรือหมอไพศาล เฮงสวัสดิ์ เจ้าของไบโอคลินิก
 
ที่น่าตกตะลึงและสะเทือนขวัญยิ่งกว่า ปรากฏว่าคนร้ายกลุ่มนี้ไม่ได้ฆ่า นางระวีวรรณ รายเดียว

ยังพัวพันคดีฆ่าไม่ต่ำกว่า 2 คดี ได้แก่คดีสังหาร นายวรรธนะหรือบุญลือ รุ่งเรือง โชเฟอร์แท็กซี่ อดีตคนขับรถประจำตัวของ นพ.กวีวัธน์ หรือหมอไพศาล ที่เป็นพยานเบิกความให้ นางระวีวรรณ ในคดีฟ้องร้องสถาบันความงามในเดือน เม.ย. 51 รวมทั้งสังหาร นายชาญวิทย์ ชาญรัตนชัย เซลส์แมนขายเสื้อสูท หนึ่งในอดีตลูกค้าไบโอคลินิก โดยนำศพไปทิ้งอำพรางคดีในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ทำให้คดีฆาตกรรมธรรมดา ๆ ดังกระหึ่มเมืองเพียงพริบตา

ตำรวจขออนุมัติจากศาลอาญาออกหมายจับ นายประกอบหรือกอบ และนายศักดา ไปทั่วประเทศ จนได้เบาะแสว่าทั้งคู่หนีข้ามแม่น้ำโขงทาง จ.หนองคาย ไปกบดานในบ้านเพื่อนที่เมืองเวียงจันทน์ สปป. ลาว ไม่ได้หนีไปประเทศจีนตามข่าวลือในช่วงแรก โดยนายประกอบใช้ชื่อปลอมว่า นายพิเชษฐ์ ชุมดาวงษ์ ส่วนนายศักดาใช้ชื่อ นายจักรวาล แซ่ตั้ง 
 

เมื่อได้เบาะแสที่น่าเชื่อถือ


เมื่อได้เบาะแสที่น่าเชื่อถือ พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ ผกก.1 ป. พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ สว.กก.1 ป. พร้อมทีมงาน นำหมายจับศาลอาญาเลขที่ 2908/2550 ลงวันที่ 24 ก.ย. ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับ อนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ประสานตำรวจ ตม.ลาว นำกำลังจับกุม นายประกอบ หรือกอบ ได้เพิ่ม 1 คน ในบ้านเพื่อนที่เมืองเวียงจันทน์ สปป. ลาวตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา นำกลับมาสอบสวนขยายผลที่กองบังคับการกองปราบปราม ส่วนนายศักดา ข่าวว่าอยู่ด้วยกัน แต่ตำรวจลาวไม่รู้จัก ทำให้หลบหนีไปได้หวุดหวิด
 
หลังจากซักถามและสอบปากคำทุกประเด็นตลอดคืน

โดยเฉพาะความเชื่อมโยงระหว่าง นายจตุรงค์ มือปืน นายศักดา น้องชาย นพ.กวีวัธน์ รวมทั้งขยายผลถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องรายอื่น ๆ นายประกอบ ยอมรับสารภาพว่า เป็นหนึ่งในทีมสังหาร นางระวีวรรณ โดยทำหน้าที่ชี้เป้าและขี่รถให้มือปืนรวมทั้งพัวพันคดีฆ่า นายชาญวิทย์ ลูกค้าไบโอคลินิก และ นายวรรธนะ หรือบุญลือ โชเฟอร์แท็กซี่อดีตคนขับรถของหมอไพศาล ซึ่งรายหลังนี้ นายประกอบ อ้างว่าใช้มีดแทงจนตายด้วยตัวเองในไบโอคลินิก โดยมีผู้เห็นเหตุการณ์ไม่ต่ำกว่า 3 คน ในจำนวนนั้นมี นายศักดา รวมอยู่ด้วย หลังฆ่าเหยื่อแล้วนำศพใส่รถเก๋งของ นายศักดา ไปทิ้งอำพรางคดี
    
ทั้งนี้นายประกอบหรือกอบ ยังให้การถึงทูตมรณะขนาด 6.35 มม. ที่ นายจตุรงค์ หรือตึ๋ง ใช้สังหาร นางระวีวรรณด้วยว่า

หลังเสร็จงานได้แยกชิ้นส่วนไปโยนทิ้งคลองริมถนนสายรังสิต-นครนายก ต.คลองสาม อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ได้พาไปชี้จุดและให้นักประดาน้ำ กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ใช้เครื่องมือตรวจจับโลหะค้นหาที่ก้นคลองและพงหญ้าริมถนน ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง ก็สามารถเก็บด้ามปืนได้ 1 ชิ้น ส่วนชิ้นอื่น ๆ ลำกล้อง ปลอกกระสุนปืนยังไม่พบ
 
วันนี้คดีสังหาร นางระวีวรรณ เหลือผู้ร่วมขบวนการ 1 คนคือ นายศักดา น้องชายของ นพ.กวีวัธร์ หรือหมอไพศาล เจ้าของไบโอคลินิก นับว่าคดีใกล้จะปิดฉากเข้าทุกทีแล้ว ส่วนจะมีใครพัวพันอีกบ้าง ทีมงานกองปราบปรามกำลังหาหลักฐานเชื่อมโยง เนื่องจากสงสัยว่าคนร้ายน่าจะมีมากกว่านี้ ส่วนจะมีใครบ้างนั้น เชื่อว่าอีกไม่นานคงมีคำตอบออกมาให้เห็นกันแน่นอน.

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์