เปิดเส้นทางนักฆ่า ผู้ปลิดชีพสาวหน้าเด้ง

นับตั้งแต่เจอกันในคุกเมืองชล 2 น.ช.ก็กลายมาเป็นมือปืนรับจ้างให้เสี่ยเฟอร์นิเจอร์ ตามมาด้วยคดีลึกลับซับซ้อน อันล้วนแต่เกี่ยวเนื่องกับเหยื่อศัลยกรรมคลินิกชื่อดังแทบทั้งสิ้น

ความตายของ "รวีวรรณ เสตะรัต" หรือ"อภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา"  เหยื่อศัลยกรรมใบหน้าวัย 53 ปี ทำให้คดีฆาตกรรมอื่นๆ คลี่คลายตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่เกี่ยวข้องพัวพันกับการทำศัลยกรรมจากคลินิกชื่อดังแห่งเดียวกัน อันล้วนแต่มีเรื่องราวร้องเรียนอีนุงตุงนังก็ได้เวลาปิดฉากลง 13 กันยายน 2550 รวีวรรณถูกคนร้ายอย่างน้อย 2-3 คน กระหน่ำยิงด้วยปืนเก็บเสียงเสียชีวิตขณะเดินเข้าบ้านพักเลขที่ 295 หมู่บ้านฉัตรแก้ว แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ศสส.บช.น., กก.สส.น.4 และฝ่ายสืบสวน สน.ลาดพร้าว เร่งสืบสวนคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วน ไม่เว้นชุดสืบสวนกองปราบปราม นำโดย พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการ ผบก.ป. พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ ผกก.1 บก.ป. ก็เข้าร่วมทำคดีนี้ด้วย 


ก่อนรวีวรรณจะถูกยิงเสียชีวิตเธอเคยร้องขอความช่วยเหลือไปยัง พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ สว.กก.1 บก.ป. ซึ่งครั้งหนึ่งนายตำรวจหนุ่มเคยรับผิดชอบคดี

ฆาตกรรม "วรรธนะ รุ่งเรือง หรือบุญลือ" โชเฟอร์แท็กซี่ พยานปากเอกของรวีวรรณที่มีเรื่องฟ้องร้องกับคลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่ง สมัยดำรงตำแหน่ง สว.กก.สส.น.2

ระหว่างที่การคลี่คลายชนวนเหตุแห่งการฆาตกรรมเหยื่อหน้าเด้งกำลังเข้าสู่หนทางตีบตันพ.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผกก.1 บก.ป. ก็ได้รับการติดต่อจากพยานปากเอกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในฐานะจนตรอก ขอความคุ้มครอง ด้วยเขาเองรู้ความเป็นมาเป็นไปในคดีนี้มากจนมีคนบางคนคิดว่าหากปล่อยไปแล้วอาจจะเดือดร้อนได้ จึงคิดฆ่าปิดปาก ! เมื่อเจรจาได้เป็นข้อยุติแล้วพยานคนเดิมจึงให้รายชื่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของรวีวรรณ มีคนอย่างน้อย 3 คนเข้าไปเกี่ยวข้องในฐานะมือปืน ผู้ช่วย และคนชี้เป้า พร้อมกับพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งบัดนี้จอดอยู่ในคอนโดมิเนียมร้างแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว  


ข้อมูลแรกถูกตรวจสอบทันทีเพื่อพิจารณาว่าข้อมูลทั้งหมดที่ได้มานั้น


มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ไม่นานชุดสืบสวนก็ได้รับรายงานกลับมาว่า มีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า โนวา สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ในสภาพเก่าคร่ำจอดอยู่จริง การตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทำให้ชุดสืบสวนกองปราบปรามต้องให้น้ำหนักกับพยานปากนี้มากยิ่งขึ้นพ.ต.อ.ประยนต์ พ.ต.อ.วรายุทธ พ.ต.ท.วิวัฒน์ พ.ต.ท.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ สว.กก.5 บก.ป. พ.ต.ต.พลฑิต ไชยรส สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.สุทธิชัย เทียนโพธิ์ รอง สว.กก.1 บก.ป. และ ร.ต.อ.เกรียงไกร กึกก้อง รอง สว.กก.1 บก.ป. พร้อมชุดสืบสวนจึงประชุมหาแนวทางติดตามตัวผู้ที่มีรายชื่อทั้งสามคนมาสอบปากคำ

2 ใน 3 คน รู้เพียงชื่อเล่นว่า "กอบ" กับ "ตึ๋ง" ชุดสืบสวนเร่งหาข้อมูลทั้งสองอย่างเร่งด่วน แต่ก็เต็มไปด้วยความละเอียดถี่ถ้วน กระทั่งทราบว่าทั้งสองคนรู้จักกันเมื่อครั้งต้องโทษอยู่ในเรือนจำจังหวัดชลบุรี  


ตึ๋ง เกิดในครอบครัวที่แตกแยกพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่แบเบาะ เขาอยู่ในความอุปการะของพ่อที่ประกอบอาชีพขายของริมหาดบางแสน จ.ชลบุรี มีพี่สาวหนึ่งคนแต่งงานอยู่กินกับสามีชาวสวิส ส่วนแม่แต่งงานไปกับสามีใหม่ พี่สาวของตึ๋งพยายามติดตามหาแม่จนเจอแล้วจึงพาน้องชายไปอาศัยอยู่กับครอบครัวใหม่ของแม่เด็กหนุ่มเป็นคนใจถึง รักพวกพ้อง พูดน้อย แต่ใจนักเลง 

ด้วยอุปนิสัยเหล่านี้จึงพาชีวิตผกผันเข้าไปอยู่ในเรือนจำจังหวัดชลบุรีในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น
 

5 ปีในเรือนจำทำให้ตึ๋งได้รู้จักกับ "กอบ" เด็กหนุ่มที่ครอบครัวแตกแยกไม่ต่างไปจากตัวตึ๋งเอง กอบติดคุกในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ณ แดนกำแพงกรรมนี้ทั้งสองได้รู้จักกับเพื่อนร่วมแดนคนหนึ่งนามว่า "เปื่อย" นักโทษชายคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซึ่งถูกจองจำอยู่ก่อนแล้ว

ทั้งสามคนสนิทสนมกันมากพอที่เมื่อเปื่อยพ้นโทษออกมาเป็นลูกจ้างร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่งแล้ว ได้ชักชวนกอบกับตึ๋งมาทำงานด้วยกันเมื่อทั้งสองพ้นโทษในเวลาต่อมา


เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ทั้งสามเป็นลูกจ้างอยู่นี้แท้ที่จริงก็คือผู้ต้องสงสัยอีกคนที่พยานปากเอกให้ชื่อไว้กับชุดสืบสวนกองปราบปราม!


ด้วยกิตติศัพท์ของตึ๋งในฐานะคนใจถึงไม่นานเขาก็ได้รับงานใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเฟอร์นิเจอร์เลยแม้แต่น้อย เสี่ยเงินกู้เมืองกรุงเก่าพระนครศรีอยุธยาผู้มีเรื่องบาดหมางกับเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ที่ตึ๋งทำงานอยู่ จู่ๆ ก็ต้องมีอันเป็นไปถูกยิงเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ และตำรวจเองก็ยังตามจับมือปืนไม่ได้ ทว่าแนวทางสืบสวนพุ่งเป้าไปที่คู่กรณีที่กำลังมีเรื่องอยู่นั่นเอง


มีสิ่งไม่คาดฝันอีกหลายเรื่องเกิดขึ้นมากมายนับตั้งแต่ตึ๋ง กอบ และเปื่อย  เข้ามาทำงานในร้านเฟอร์นิเจอร์ 

ซึ่งแต่ละเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับงานหลักๆ ของพวกเขาเลย เช่น จู่ๆ บ้านเหยื่อศัลยกรรมแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี ก็ถูกเผาราบเป็นหน้ากลอง ต่อมามีหญิงสาวเหยื่อศัลยกรรมอีกคนถูกยิงกลางถนน แต่ชะตาชีวิตยังแข็งแกร่งจึงรอดพ้นความตายมาได้หวุดหวิด แตกต่างจากวรรธนะโชเฟอร์แท็กซี่พยานในคดีรวีวรรณฟ้องร้องแพทย์และคลินิกศัลยกรรมที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อน หรือแม้กระทั่ง "ชาญวิทย์ ชาญรัตนชัย" วัย33 ปี เซลส์แมนหนุ่มที่ถูกแทงและมีสายโทรศัพท์รัดคอ ก่อนจะถูกห่อศพด้วยผ้าปูโต๊ะนำไปทิ้งไว้ที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ชาญวิทย์ เป็นอีกคนหนึ่งที่มีปัญหาหลังทำศัลยกรรมตากับคลินิกแห่งเดียวกับรวีวรรณ
 

ดูเหมือนว่าร้านเฟอร์นิเจอร์จะไม่เกี่ยวข้องกับคลินิกศัลยกรรมความงามเลยแม้แต่น้อย

หากว่าเจ้าของร้านทั้งสองแห่งไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันมา  ชุดสืบสวนกองปราบปรามจึงเร่งควานหาตัวเสี่ยเจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ ตึ๋ง และกอบ เป็นการด่วน แต่เนื่องจากตึ๋งเพิ่งก้าวเข้ามาอยู่ในวงการมือปืนได้ไม่นาน จึงไม่มีประวัติอาชญากรและชื่อในบัญชีมือปืน แต่เป็นที่รู้จักในวงแคบๆ ในฐานะเด็กหนุ่มใจถึง มีฝีมือ และเป็นสุภาพบุรุษนักฆ่า สุภาพบุรุษนักฆ่าในวงการมือปืน หมายถึงมือปืนที่เชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด หากนายสั่งแค่ให้ยิงสั่งสอนก็ยิง สั่งให้ฆ่าก็ฆ่า สั่งแค่ไหนทำแค่นั้น ไม่ทำอะไรมากเกินกว่าคำสั่งที่ได้รับ ที่สำคัญคือไม่พูดมาก เก็บงำความลับดีเยี่ยม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มือปืนควรมีอย่างยิ่ง 


อย่างไรก็ตามความพยายามของชุดสืบสวนกองปราบปรามแสดงผลให้ประจักษ์แล้ว 

เมื่อตรวจสอบประวัติและสืบสวนทางลับจนทำให้รู้ชื่อจริงของตึ๋ง หรือ "จตุรงค์ เบ็ญกูล" วัย25 ปี กับ "ประกอบ ศรีลาด" หรือกอบวัย 29 ปี ก่อนจะสืบสวนติดตามจนพบตัวตึ๋งที่ จ.กาฬสินธุ์ เมื่อคืนวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะหลบหนีไปหลายที่ ทั้งโรงงานเฟอร์นิเจอร์เมืองกรุงเก่าหรือแม้แต่ที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี แล้วก็ตามแต่
 

จากนี้ไปต้องจับตาดูว่าคดีจะจบลงอย่างไรเสี่ยเฟอร์นิเจอร์ซึ่งบัดนี้อยู่เมืองจีนจะว่าอย่างไร และเรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคลินิกศัลยกรรมหรือไม่ น่าติดตามยิ่ง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์