ลูกกัปตันโต้หอสั่งให้ลงจอด วอนอย่าโยนบาปผีรอผลสอบ

รองผอ.วิทยุการบิน เผยเจ้าหน้าที่หอรายงานกัปตันลมแรง ระบุการตัดสินใจลงจอดเป็นเรื่องของกัปตัน


เผยลมแรง 40 นอตเป็นระดับหลังคาบ้านพัง ต้นไม้ฉีกเป็น 2 ท่อน กัปตันคนก่อนเชื่อสภาพสนามบินไม่อันตราย วอนอย่าโยนบาปให้กัปตันทั้งที่ผลสอบยังไม่ออกมา ยันไม่มีคนตายเพิ่ม


จากกรณีเครื่องบินวันทูโก เที่ยวบินโอจี 269 เที่ยวบินกรุงเทพฯ-ภูเก็ต ประสบอุบัติเหตุไถลตกรันเวย์ที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต

ขณะนำเครื่องลงจอด ท่ามกลางสายฝนที่มีทัศนวิสัยไม่ดี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 89 คน และบาดเจ็บ 41 คน เมื่อวันที่ 16 กันยายน ขณะนี้สาเหตุของอุบัติเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายกำธร ศิริกร รองผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ได้ดูรายงานการบันทึกการสนทนา ระหว่างเจ้าหน้าที่หอการบิน กับกัปตันประจำเครื่องบินแล้ว ซึ่งการสนทนาเป็นปกติ มีการพูดคุยถึงเรื่องของกระแสลมและทัศนวิสัยต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานกัปตันแล้วว่า ขณะเกิดเหตุมีกระแสลมวินเชียร์หรือลมกระโชก ลมแรงที่ 40 นอต ซึ่งการที่กัปตันนำเครื่องลงแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ก็เป็นการตัดสินใจของกัปตัน ส่วนสาเหตุจะเกิดจากเรื่องของเทคนิคระบบกลไกต่างๆ หรือเพราะสภาพอากาศที่แปรปรวนหรือไม่นั้น ตนไม่สามารถตอบได้


"ทางหอการบินได้แจ้งกับกัปตันแล้วว่ามีกระแสลมแรง ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับกัปตันว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ ก็มีเครื่องบินของวันทูโกอีกลำหนึ่งที่นำเครื่องลงจอด และหอวิทยุการบินก็ได้แจ้งเหมือนกันทุกๆ ลำว่ามีกระแสลมแรง ซึ่งก็นำเครื่องจอดลงปกติและก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์อะไร ผมไม่แน่ใจว่าเครื่องบินวันทูโกก่อนหน้านี้บินมาจากที่ใด แต่ทราบว่ามาลงที่สนามบินภูเก็ตเท่านั้น" นายกำธร กล่าว
 

นายกำธร กล่าวด้วยว่า การนำเครื่องบินลงจอดนั้น หากกระแสลมจะแรงเพียงใด หรือฝนจะตกหนักขนาดไหนก็ตาม ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักบินและเทคนิคการใช้เครื่องยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ ของนักบิน

ซึ่งนักบินที่มีชั่วโมงการบินสูง จะผ่านการทดสอบและสามารถวิเคราะห์ได้ว่าจะนำเครื่องลงจอดอย่างไรให้ปลอดภัยมากที่สุด โดยหอการบินนอกจากจะมีหน้าที่รายงานสภาพอากาศโดยทั่วไปแล้ว ยังสามารถตอบโต้กับกัปตันได้ เพราะหอการบินมีหน้าที่จัดการจราจรทางอากาศ เพื่อความเป็นระเบียบและความปลอดภัย ตลอดจนไม่ให้เครื่องบินต่างๆ แย่งกันขึ้นลง โดยมีสิทธิที่จะคัดค้านไม่ให้นำเครื่องบินลงจอด หากสภาพอากาศแปรปรวน กระแสลมแรง ฝนตกมาก หรืออยู่ในช่วงวิกฤติ โดยจะปิดสนามบินไม่ให้มีการขึ้นลงอย่างเด็ดขาด ตามกฎของการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือองค์การไอซีเอโอ


"วันทูโก"วอนหยุดวิจารณ์

ร.อ.ขจิต หัพนานนท์ ประธานกรรมการบริหาร สายการบินวันทูโก แอร์ไลน์ กล่าวว่า ขณะนี้ผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานของคณะกรรมการยังไม่ได้ข้อสรุป จึงต้องการให้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของการเกิดว่ามาจากนักบินของสายการบิน หรือความผิดพลาดของการบังคับทิศทางการบิน เนื่องจากถือว่าเป็นการคาดเดา และส่งผลกระทบต่อภาพโดยรวมทั้งต่ออุตสาหกรรมการบิน ภาพลักษณ์ของประเทศ ตลอดจนมาตรการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานทางการบินของไทย


"ต้องการให้ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ ได้ยุติการให้ข่าว จนกว่าผลการพิสูจน์หลักฐานการบินแล้วเสร็จ โดยที่สายการบินจะรับผิดชอบในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง และหากได้ผลสรุปแล้วจะถือว่าเป็นบทเรียนทางการบินที่สายการบินจะนำมาใช้เป็นมาตรฐานและมาตรการเพื่อป้องกันการเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในอนาคต" ประธานบริหารวันทูโกกล่าว


ร.อ.ขจิต กล่าวด้วยว่า การวิจารณ์โดยไม่มีข้อเท็จจริง ยังทำให้เกิดความสับสนในประชาชนทั่วไปและผู้โดยสารที่อาจจะไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบและการอนุญาตการบินของหน่วยงานของไทยได้

เพราะปกติสายการบินจะต้องผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางอากาศ และคณะกรรมการการบินพลเรือน และมีความปลอดภัยเกิน 100% ก่อนที่จะดำเนินการปฏิบัติการบินได้ ทั้งยังหากมีกระแสข่าวที่สับสนจะทำให้ความเชื่อมั่นของผู้โดยสารลดลง กระทบต่ออุตสาหกรรมการบินโดยรวม
 

ส่วนความมั่นใจของพนักงานซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 950 คน ทางผู้บริหารสั่งการให้หัวหน้าระดับหน่วยงานต่างๆ เรียกประชุมพนักงานในสังกัด

เพื่อชี้แจงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสายการบินยังคงดำเนินการต่อไป ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้สายการบินต้องสูญเสียนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินไปรวม 5 คน แต่สายการบินก็ดำเนินการบินตามระเบียบและมาตรฐานสากล รวมถึงการคัดเลือกหรือว่าจ้างนักบินที่มีประสบการณ์สูง โดยที่นักบินทุกคนของสายการบินวันทูโก ต้องมีได้รับใบอนุญาตการบินพาณิชย์สากล พร้อมกับมีการตรวจสุขภาพทุก 6 เดือน อย่างสม่ำเสมอ และแต่ละคนถือว่ามีเป็นผู้มากประสบการณ์ด้านการบิน


ด้านนายอุดม ตันติประสงค์ชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินวันทูโก เปิดเผยว่า

การดูแลรักษาเครื่องยนต์บริษัทให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย 100% ปัจจุบันสายการบินมีสัดส่วนนักบินที่เป็นคนไทย 30% ในขณะที่เหลือ 70% เป็นนักบินที่มีประสบการณ์และใบอนุญาตการบินพาณิชย์สากล จากประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวเนซุเอลา และออสเตรเลีย ซึ่งแต่ละคนมีชั่วโมงบินไม่ต่ำกว่า 3,000-5,000 ชั่วโมง และถือว่าเป็นมาตรฐานสากล


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์