3โจรบุกปล้นเซเว่น เจอกับดัก ตร.ปลอมเป็นพนง.

พอชักปืนโดนรวบทันที จนมุม2-แหวกหนีไปได้1

กองปราบฯซ้อนแผนจับโจรปล้นร้านเซเว่นฯ ส่งร.ต.อ.ปลอมตัวเป็นพนักงานขาย พร้อมกำลังคนอื่นๆเดินในร้านทำทีเป็นลูกค้า เลือกทำเลร้านสาขาซอยพุทธบูชา 35/1 เป็นกับดัก เนื่องจากเห็นว่าร้านไม่มีวงจรปิด ปรากฏ 3 โจรหลงกลบุกเข้ามาปล้นกลางดึก เลยเจอชาร์จจับระทึกกลางร้าน สะบัดวิ่งหนีไปได้ 1 คน จนมุม 2 สารภาพเพิ่งรู้จักในร้านคาราโอเกะ พอเมาได้ที่ก็ชวนกันมาปล้น เผยปฏิบัติการซ้อนแผนจับ เป็นไปตามคำสั่งรองผบ.ตร. ให้ปราบแก๊งโจรปล้นร้านสะดวกซื้อที่อาละวาดบ่อยครั้ง

เมื่อเวลา 00.50 น.วันที่ 17 ก.ย. ที่กองปราบปราม

พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.วิวัฒน์ คำชำนาญ พ.ต.ท.พิษณุ อุณหเสรี รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีระเดช ธรรมสุธีร์ สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ร.ต.อ.อรรชวศิษฏ์ ศรีบุญยานนท์ ร.ต.อ. อดิเรก จินตรานันท์ รอง สว.กก.1 บก.ป. พร้อมกำลังอีกจำนวนหนึ่ง ได้วางแผนเข้าจับกุมคนร้ายที่จะก่อเหตุปล้นทรัพย์ภายในร้านสะดวกซื้อ หลังจากสืบทราบในทางลับว่ามีคนร้ายวางแผนเตรียมที่จะบุกเข้าปล้นทรัพย์ที่ร้าน 7-11 เลขที่ 35/1 ซอยพุทธบูชา ตรงข้ามโรงเรียนพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. จึงได้วางแผนเพื่อเข้าจับกุม

ตามแผนได้ให้ตำรวจกองปราบปรามปลอมตัวเป็นพนักงานขาย และบางส่วนก็ปลอมเป็นลูกค้า

กระทั่งเมื่อถึงเวลาดังกล่าวได้มีคนร้าย 3 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 2 คัน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมคนร้ายไว้ได้ 2 คน ส่วนคนร้ายอีกคนรีบทิ้งอาวุธปืน วิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนขับหลบหนี แหวกวงล้อมของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปได้ จากการสอบสวนทราบคนร้ายทั้งสองที่จับกุมได้ชื่อว่า นายเอกลักษณ์ หรืออ้น พูลศิลป์ อายุ 21 ปี และนายนิพนธ์ พวงสกุล อายุ 28 ปี พร้อมของกลางเป็นอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนอีก 6 นัด รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นโซนิค สีน้ำเงินดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และมีแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลขทะเบียน พกง-336 กทม. ที่แขวนไว้ที่หน้ารถจักรยานยนต์ หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ สีฟ้าคาดขาว จำนวน 1 ใบ

เบื้องต้นจากการตรวจสอบทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายคดีในหลายพื้นที่

โดยผู้ต้องหาที่ 1 มีประวัติต้องคดี ข้อหาพกพาอาวุธปืน ล่าสุดเพิ่งก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำในซอยที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 นั้นมีหมายจับคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นของศาลจังหวัดสมุทรปราการ และมีประวัติเป็นอดีตเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิแห่งหนึ่งด้วย เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ แต่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ขยายผลการจับกุมเพิ่มเติม

พ.ต.อ.วรายุทธเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม คอยเฝ้าระวังร้านค้าสะดวกซื้อใน 10 ซอยอันตราย

ที่มักถูกคนร้ายก่อเหตุจี้ปล้นในยามวิกาลเป็นประจำ พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รักษาการผบก.ป จึงได้สั่งการให้จัดกำลังออกตรวจสอบ โดยพื้นที่ถนนพุทธบูชาเป็นหนึ่งในเขตพื้นที่เฝ้าระวัง ประกอบกับทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายว่าจะมีคนร้ายเข้าทำการจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อในย่านนี้ ซึ่งเมื่อสำรวจดูร้านสะดวกซื้อในย่านนี้ที่มีอยู่จำนวน 13 ร้าน พบว่าที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาพุทธบูชา 35/1 น่าจะเป็นจุดที่คนร้ายมาลงมือก่อเหตุมากที่สุด เนื่องจากไม่มีกล้องทีวีวงจรปิด จึงได้วางแผนส่งร.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองสว.กก.1 บก.ป. ให้ปลอมตัวเป็นพนักงานของร้าน พร้อมกำลังอีกส่วนคอยซุ่มระวังอยู่ทั้งด้านในและด้านนอกร้าน และยังมีกำลังอีกส่วนกระจายกำลังออกตรวจสอบร้านค้าในละแวกใกล้เคียงด้วย

พ.ต.อ.วรายุทธกล่าวว่า จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ พบคนร้าย 3 คน

ขับขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นโซนิค สีดำคาดน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดที่หน้าร้าน จากนั้นคนซ้อนท้าย ซึ่งก็คือนายเอกลักษณ์ และนายเอ็กซ์ ไม่ทราบนามสกุล ได้เดินลงจากรถก่อนตรงเข้ามาที่ร้าน โดยมีนายนิพนธ์นั่งคร่อมอยู่บนรถติดเครื่องรออยู่ ระหว่างนั้น ร.ต.อ.บุญลือที่ปลอมเป็นพนักงานของร้าน พบทั้งคู่เดินลงจากรถลักษณะท่าทางมีพิรุธ จึงรีบบอกพนักงานตัวจริงให้รีบหลบเข้าไปหลังร้าน เมื่อคนร้ายเดินเข้ามาในร้าน ก็ชักปืนออกมาจี้ไปที่ร.ต.อ.บุญลือที่ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ พร้อมร้องบอก "นี่คือการปล้น"

พ.ต.อ.วรายุทธกล่าวต่อว่า

จังหวะที่คนร้ายชักปืนออกมาจี้ร.ต.อ.บุญลือ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ่มอยู่ทั้งที่ทำทีเป็นลูกค้าที่กำลังซื้อของอยู่ในร้าน และที่ซุ่มอยู่หน้าร้านจึงได้เข้าชาร์จเพื่อจับกุมตัวคนร้าย แต่นายเอ็กซ์ ซึ่งเป็นคนถือปืนได้สะบัดตัววิ่งสวนฝ่าออกจากร้านหลบหนีไปได้ โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไล่ตามไปก็พบเพียงอาวุธปืนของกลางตกอยู่ ส่วนนายนิพนธ์หลังเห็นเพื่อนถูกจับกุมก็พยายามขี่รถหลบหนี แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับไว้ได้

จากการตรวจค้นนายนิพนธ์พบมีบัตรประจำตัวเป็นอาสาสมัครของมูลนิธิแห่งหนึ่ง และที่ใต้เบาะนั่งพบป้ายทะเบียนรถซุกซ่อนอยู่

ส่วนนายเอกลักษณ์ ตรวจประวัติพบมีหมายจับคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ของสภ.อ. เมือง จ.สมุทรปราการ สอบสวนทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่า เพิ่งรู้จักกันที่ร้านคาราโอเกะไม่มีชื่อ ใกล้กับที่เกิดเหตุ หลังเมาได้ที่จึงได้ชักชวนกันมาลงมือปล้น เพื่อหาเงินใช้ รวมทั้งจะเอาไปซื้อยาบ้ามาเสพ โดยเพิ่งลงมือทำครั้งนี้เป็นครั้งแรก สำหรับเพื่อนที่หลบหนีก็ทราบเพียงชื่อเล่นเอ็กซ์ ไม่รู้ว่าทำงานอะไร เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะและพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์