อัพเดตคลี่ปมรื้อคดีจอมทรัพย์-จ่อหมายจับอีกลอต!!

ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือครูจอมทรัพย์ อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร พร้อมพวก ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล กรณีขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนเสียชีวิต และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจขยับออกหมายจับเพิ่มเติมอีกมากกว่า 1 ราย ขณะที่วันที่ 30 พ.ย.นี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) รวมถึงรองปลัดกระทรวงยุติธรรม จะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวน

อดีตสามี"จอมทรัพย์"เบี้ยวให้การ

ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(บก.ภ.จว.) นครพนม นายทินกร แสนเมืองโคตร อายุ 47 ปี กำนัน ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร หลานชายนายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร อดีตสามีของนางจอมทรัพย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร เป็นตัวแทนนายนิรันดร์ เดินทางมายื่นหนังสือขอเลื่อนให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีนางจอมทรัพย์ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแจ้งความเท็จร่วมกับนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์

ทั้งนี้ นายนิรันดร์ เคยมาปรากฏตัวร่วมกับนายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง ที่ สภ.เมืองนครพนม ช่วงปี 2557 โดยมาแจ้งความไว้ว่านายเสริฐ รูปสะอาด เป็นคนขับรถชนคนเสียชีวิต

นายทินกร แจ้งกับพนักงานสอบสวนว่า นายนิรันดร์ไม่สามารถเดินทางมาให้ปากคำในวันนี้ได้ หลังจากรับปากไว้กับพนักงานสอบสวน ต่อมานายนิรันดร์แจ้งขอเลื่อนพบพนักงานสอบสวนทางโทรศัพท์ แต่เจ้าพนักงานให้มีหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น นายทินกรจึงได้นำหนังสือดังกล่าวมาแจ้งขอเลื่อนให้ปากคำเป็นวันอื่น

พยานปากสำคัญรุดพบตร.

ครูอ๋องไม่คุ้นคุก อ้างป่วยหืดหอบ

สำหรับความคืบหน้า หลังจากศาลจังหวัดนครพนมไม่อนุญาตให้ประกันตัว นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง อายุ 54 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร ผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันกับครูจอมทรัพย์ ซึ่งเพื่อนครูคนสนิท จึงถูกควบคุมตัวเข้าเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม โดยมีเจ้าหน้าที่พยาบาลประจำเรือนจำฯลงรายละเอียดเกี่ยวกับสุขภาพ

ครูอ๋องแจ้งว่า ป่วยเป็นโรคหืดหอบ แต่ไม่ได้ไปพบแพทย์ นานๆจะมีอาการกำเริบถึงจะซื้อยามาทานเอง แต่จากรายงานพยาบาลระบุว่าครูอ๋อง มีสุขภาพแข็งแรง ยังไม่พบอาการอื่นๆจึงกำชับให้ผู้คุมแดน หมั่นตรวจเช็คห้องขังทุกๆชั่วโมงตามกฎระเบียบกรมราชทัณฑ์ ช่วงเช้าวันที่ 29พ.ย.ครูอ๋องได้เปิดเผยกับผู้คุมว่านอนไม่ค่อยหลับเพราะยังปรับตัวไม่ได้ และช่วงสายจะต้องถูกตัดผมสั้นตามระเบียบผู้ต้องขังทั่วไปและตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง

เอาผิด"ทัศนีย์"เพิ่ม2ข้อหา

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.รอง ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(โฆษก ตร.) กล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ 1 ใน 5 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ มาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม อีก 2 ข้อหา เป็นข้อหาต่างกรรมต่างวาระ ข้อหาแรกคือเบิกความอันเป็นเท็จ ที่ครั้งแรกในการสอบสวนนางทัศนีย์ บอกว่าในขณะเกิดเหตุขับรถมาเพียงคนเดียวและเห็นรถยนต์คันที่เกิดเหตุ จำทะเบียนได้คือ บค 56 สกลนคร ไม่มีผู้ใดลงมาจากรถแล้วคนร้ายก็ขับหนีไป แต่เมื่อเบิกความพยานในศาลชั้นต้น นางทัศนีย์กลับให้ปากคำว่าเห็นอุบัติรถชน แต่บอกว่ามีผู้ชายเดินลงมาจากรถแล้วขับรถหนีไป แตกต่างจากการให้ปากคำพนักงานสอบสวนตั้งแต่แรก

ไม่รอดโทษอั้งยี่ซ่องโจร

ต่อมานางทัศนีย์ไปเบิกความในชั้นไต่สวนเพื่อขอรื้อฟื้นคดีใหม่ของครูจอมทรัพย์ นางทัศนีย์ได้ให้ปากคำว่า ได้ขับรถมาโดยมีนางทองเรศ วงศ์ศรีชา ซ้อนท้ายมาด้วย ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อน เนื่องจากมีตัวละครเพิ่มมาอีกหนึ่งคน และต่อมา นางทัศนีย์เบิกความอีกครั้งว่านางทองเรศซ้อนท้ายมา แต่จำทะเบียนไม่ได้ ซึ่งให้ปากคำไม่ตรงกันเลย ถือว่าเป็นการเบิกความที่แตกต่างหลายครั้ง จึงเรียกมาแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ส่วนข้อหาที่ 2 พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาร่วมกันเป็นอั้งยี่ซ่องโจร เนื่องจากนางทัศนีย์เข้าไปร่วมกับขบวนการรับจ้างติดคุกตั้งแต่ต้น เพราะมีส่วนรู้เห็นในการจ้าง นายสับ วาปี มาเป็นแพะรับโทษแทน

จับตาบิ๊กยธ.ให้การ-จ่อหมายจับอีกลอต

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวอีกว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องแล้ว 33 ปาก และยังคงสอบปากคำเพิ่มเติมอีก ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และ ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ เจ้าหน้าที่ได้เรียกเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม(ยธ.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการขอรื้อฟื้นคดีจำนวน 14 นาย เข้ามาทำการสอบปากคำ รวมถึงเจ้าของเพจ "มาร์ค พิทบลู" ที่มีการระดมเงินบริจาคช่วยครูจอมทรัพย์อยู่ระหว่างนัดหมาย มาให้ปากคำด้วยเช่นกัน รวมถึงเตรียมออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกมากกว่า 1 ราย เป็นบุคคลธรรมดา

รายงานข่าว แจ้งว่า 1 ใน 14 เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมนั้น มี พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่จะเดินทางเข้าให้ปากคำด้วย

ดีเอสไอปัดยังไม่ได้หมายเรียก

ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ รักษาการตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ รองโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีตำรวจจะเชิญเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอ 14 นาย ให้ปากคำในวันที่ 30 พ.ย.นี้ ว่า ดีเอสไอยังไม่ได้รับหนังสือดังกล่าว แต่ขอยืนยันว่าดีเอสไอพร้อมให้ความร่วมมือในการเข้าให้ข้อมูล ไม่ขัดข้องแต่อย่างใด ยังไม่สามารถระบุว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอจะต้องไปให้ถ้อยคำกับตำรวจมีจำนวนกี่ราย เพราะแต่ละคนมีหน้าที่แตกต่างกัน

"หากท้ายที่สุดการสอบสวน มีเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอเกี่ยวข้องในการกระทำผิด ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ยืนยันว่าจะไม่ปกป้องอย่างแน่นอน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในการช่วยเหลือประชาชนที่มาร้องทุกข์ด้วย" รองโฆษกดีเอสไอ กล่าว

Cr:::naewna.com