ผวาฤทธิ์จอมทรัพย์ สั่งบันทึกทุกคำพูดกับคนที่มาเยี่ยมในคุก

คดี "ครูจอมทรัพย์" หรือนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร พร้อมพวก ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล กรณีขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนเสียชีวิต และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร มีการขยายผลไปสู่ผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดถึงคิวเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่พนักงานสอบสวนเตรียมเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยาน ไม่เว้นแม้แต่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม

จอมทรัพย์คุกคืนแรกนอนไม่หลับ

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางจอมทรัพย์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีข้อหาร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล กรณีขอรื้อฟื้นคดีขับรถชนคนเสียชีวิต และข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว และถูกส่งตัวเข้าเรือนจำกลางนครพนม โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คุมตัวไปยังแดนแรกรับหญิง โดยมีเพื่อนนักโทษรุ่นพี่ชื่อ "เข็ม" อายุประมาณ 60 ปี ซึ่งต้องโทษคดียาเสพติดคอยดูแล เหมือนสมัยนางจอมทรัพย์ ต้องโทษจำคุก 3 ปี 2 เดือน

เค้นสอบมาราธอน"ครูอ๋อง"

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 28 พ.ย.60 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 218/60 ลงวันที่ 24 พ.ย.60 ในข้อหาร่วมกันกับนางจอมทรัพย์ นำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อศาล กรณีขอรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ขับรถชนคนตาย และอั้งยี่ซ่องโจร ออกจากห้องควบคุม สภ.เมืองนครพนม เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากเค้นสอบมาตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันที่ 27 พ.ย.ถึงเวลา 01.00 น.วันที่ 28 พ.ย.60

เข้าซังเตศาลไม่ให้ประกันหวั่นหนี

ต่อมาเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสุริยา ไปขออำนาจฝากขังต่อศาลจังหวัดนครพนมผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีเป็นที่สนใจของประชาชน มีอัตราโทษสูง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนปากพยานไม่แล้วเสร็จ เกรงจะไปก้าวก่ายพยาน โดยมีญาติของครูอ๋อง 4 คน เป็นหญิงทั้งหมด ได้ยื่นหลักทรัพย์โฉนดที่ดินราคาประเมิน 300,000 บาท ขอประกันตัว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 16.30 น. ศาลจังหวัดนครพนม พิจารณาแล้วไม่ให้ประกัน เพราะเกรงว่าจะออกไปสร้างความยุ่งเหยิงเกี่ยวกับคดี และอาจจะหลบหนี ครูอ๋องจึงต้องเข้าคุกตามครูจอมทรัพย์

พยานปากสำคัญย่องพบตำรวจ

ขณะเดียวกัน นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี อีกหนึ่งผู้ต้องหาร่วมขบวนการของนางจอมทรัพย์ ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน พร้อมกับนางทองเรศ วงศ์ศรีชา พยานคนที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นางทัศนีย์ แม้จะไม่มีหมายเรียกก็มาให้ปากคำด้วย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์

ด้านนายสับ วาปี และนางจันทร์ วาปี สองสามีภรรยา ที่ได้รับการประกันตัวออกจากเรือนจำกลางจังหวัดนครพนม เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 27 พ.ย. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.บ้านกลาง อ.เมือง จ.นครพนม นำตัวขึ้นรถไปส่ง พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ สัมฤทธิ์สกุลชัย รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อสอบปากคำเพิ่มจนถึง เวลา 23.00 น.จึงปล่อยตัวกลับไป

สามีจอมทรัพย์โผล่ให้ปากคำแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.) นครพนม กล่าวว่า นายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร สามีของนางจอมทรัพย์ และตกเป็นผู้ต้องหาด้วยนั้น ได้เดินทางไปให้ปากคำในฐานะพยานต่อคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีที่ สภ.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม เมื่อช่วงเช้าวันนี้(28 พ.ย.60) แล้ว จากนั้นได้รีบเดินทางกลับ จ.สกลนคร และในวันพรุ่งนี้(29 พ.ย.60) นายนิรันดร์แจ้งว่าจะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแจ้งความเท็จที่ สภ.เมืองนครพนม

แฉคำให้การมัดครูอ๋องโยงคดี

ด้าน พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4(รอง ผบช.ภ.4) กล่าวว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานใกล้ที่จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง พยานที่จะต้องสอบสวน 34 ปาก มีคณะพนักงานสอบสวนออกไปสอบปากคำแล้ว 29 ปาก ยังเหลืออีก 5 ปาก ที่อยู่ต่างจังหวัด จึงทำให้ล่าช้าไปบ้าง โดยข้อมูลจากพยานถือว่าเป็นประโยชน์กับรูปคดี พยาน 29 ปากให้ความร่วมมือดี คาดว่าถ้าพยานที่เหลือ 5 คน ประมวลจากพยานหลักฐาน ถ้าดำเนินคดีได้ก็จะขออนุมัติหมายจับทันที

"ครูอ๋องปฏิเสธ แต่คำให้การเกี่ยวพันกับขบวนการต่างๆ มีรับบางข้อกล่าวหา เช่น กรณีเป็นคนเอานายสับ มาเกี่ยวโยง โดยอ้างว่าเชื่อว่านายสับเป็นคนขับรถจริง การว่าจ้างนายสับเพราะนายสับไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดี ส่วนเงิน 170,000 บาท ครูอ๋องสารภาพว่าเป็นของตัวเอง" พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าว

เรียกสอบ14ดีเอสไอใครสั่งรื้อคดี

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ภายใน 1-2 วัน จะทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) 14 ราย ที่มีชื่อในคำสั่งสอบสวนคดีนางจอมทรัพย์ ก่อนหน้านี้มาให้ปากคำกับตำรวจว่ามีหน้าที่อะไร ได้รับคำร้อง ดำเนินการอะไรบ้าง อยู่ในกรอบของกฎหมายหรือไม่ โดยจะเชิญมาสอบปากคำที่บช.ภ.4จ.ขอนแก่นในวันที่ 30 พ.ย.60 ในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหา

"ทางตำรวจจะสอบสวนเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยถึงเหตุผลในการรื้อคดี ได้รับคำสั่งจากใคร เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ มีหน้าที่ทำอะไรบ้าง" รอง ผบช.ภ.4 กล่าว

รองปลัดยุติธรรมโดนด้วย

"ในจำนวนนี้รวมถึง พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งสนับสนุนให้เกิดการรื้อฟื้นคดี หลังจากนางจอมทรัพย์ เข้าร้องเรียน โดยจะสอบในฐานะพยานฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ยืนยันว่า ไม่อึดอัดใจที่เรียก พ.ต.อ.ดุษฎี เพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 37 มาสอบปากคำ เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่" พล.ต.อ.ดร.วิระชัย กล่าว

เช็คยิบบทสนทนา"จอมทรัพย์"

รอง ผบ.ตร. ยังกำชับไปยังพนักงานสอบสวน ให้กำหนดประเด็นสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องในคดีอย่างชัดเจน อาทิ นางจอมทรัพย์ จะประสานขอข้อมูลกับทางเรือนจำถึงบุคคลที่เข้าเยี่ยม หากมีเทปการสนทนาผ่านโทรศัพท์ระหว่างจำเลยกับผู้เข้าเยี่ยม ก็จะขอตรวจสอบด้วย

ส่วนนายสับ วาปี ให้พนักงานสอบสวนเร่งตรวจสอบที่มาของเงิน 170,000 บาท ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวมีใครถอนเงินจากธนาคาร ในจำนวนที่ใกล้เคียงหรือไม่

เรียกสอบ"มาร์ค พิทบลู-พิธีกรดัง"

สำหรับการเรียกสอบปากคำ นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบลู เนื่องจากเป็นผู้เรี่ยไรเงินช่วยเหลือนางจอมทรัพย์ ทาง รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าผู้ช่วยเหลือมีเจตนาดี แต่ต้องเรียกสอบปากคำเช่นกัน โดยจะตรวจสอบบัญชีระดมเงินช่วยเหลือนางจอมทรัพย์ว่าจำนวนเงินตรงกับที่ประชาชนบริจาค และส่งมอบให้กับนางจอมทรัพย์หรือไม่

เผยคำสั่งรองปลัดตั้ง7จนท.ชุดรื้อคดี

มีรายงานว่า ดีเอสไอได้ส่งชื่อข้าราชการดีเอสไอที่ถูกขอตัวไปช่วยงานรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อช่วยรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ จำนวน 7 ราย ไปให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเป็นรายชื่อตามหนังสือคำสั่งลงวันที่ 9 ม.ค.2560 ลงนามโดยพ.ต.อ.ดุษฎี อายวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนคดีนางจอมทรัพย์

ดีเอสไอปัดไม่เกี่ยว โบ้ยศูนย์ฯยุติธรรม

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีการรื้อฟื้นคดีนางจอมทรัพย์ ว่า ดีเอสไอไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง เป็นการดำเนินการโดยศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีการขอตัวข้าราชการดีเอสไอไปช่วยราชการ 9 คน ไปช่วยในส่วนของงานอำนวยการยุติธรรมกับรองปลัดกระทรวงยุติธรรม หากตำรวจมีข้อสงสัย พร้อมชี้แจง และให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทุกด้านอย่างตรงไปตรงมา

ยธ.ตั้งคณะกรรมการรับรื้อคดี

ส่วนนายวัลลภ นาคบัว ผู้อำนวยการสำนักกิจการยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการรับรื้อฟื้นคดีให้กับนางจอมทรัพย์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ได้เป็นการตรวจสอบว่าใครถูกใครผิด แต่ต้องการปรับปรุงระบบงานการรื้อฟื้นคดีอาญา เนื่องจากสถิติของศาลฎีกา หลังมีกฎหมายให้รื้อฟื้นคดีอาญา ยังไม่เคยมีการรื้อฟื้นคดีได้เลย จึงเห็นว่าเป็นเรื่องยาก ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ ทั้งประเด็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่ผ่านมาการรับเรื่องร้องทุกข์กระจัดกระจายไปในหลายส่วน หลังจากนี้ต้องมารวมศูนย์ที่เดียวที่ศูนย์บริการร่วม แล้วกระจายไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงตรวจสอบ ต้องพิจารณาร่วมกันในรูปคณะกรรมการ เพราะที่ผ่านมาดำเนินการเพียงลำพัง

หวั่นซ้ำรอยสั่งล้อมคอกเรื่องร้องทุกข์

ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) กล่าวถึงคดีนางจอมทรัพย์ ว่า เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ไม่พบว่ามีการขอให้ช่วยคุ้มครองพยาน และไม่มีการใช้งบประมาณของกระทรวงยุติธรรม ส่วนเรื่องการรื้อคดีนั้น นางจอมทรัพย์เป็นผู้ยื่นเรื่องขอรื้อคดี โดยกระทรวงยุติธรรมไม่ได้เป็นผู้ขอรื้อ แต่การขอรื้อคดีของนางจอมทรัพย์ มาขอใช้อุปกรณ์ของสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ ในการตรวจสอบหลักฐานขอรื้อคดี

"ศ.(พิเศษ) วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งให้ทุกกรณีที่ชาวบ้านมาร้องกับรองปลัดฯ และผู้บริหารกระทรวงทุกท่าน ให้นำเรื่องร้องทุกข์มารวมกันที่ศูนย์บริการร่วม โดยมี ศ.(พิเศษ) วิศิษฏ์ เป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรอง เพื่อมอบหมายงานให้ผู้ที่เหมาะสมไปทำ หลังจากนี้กระทรวงยุติธรรม จะนำกรณี นางจอมทรัพย์ มาปรับปรุงเพื่อกลั่นกรองให้มีความละเอียดมากขึ้น" นายธวัชชัย กล่าว

Cr:::naewna.com