พยานซัดชายวัยกลางคนวางเพลิงตลาดสดคลองแงะ

พยานให้การซัดชายวัยกลางคน ตัดผมรองทรง ลอบวางเพลิงตลาดสดคลองแงะ จ.สงขลา

ตำรวจเร่งสะเก็ตช์ภาพก่อนออกหมายจับ

พนักงานสอบสวนเจ้าของคดียังไม่ฟันธงมือเผาจะเป็นแนวร่วมโจรใต้หรือไม่

ความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบวางเพลิงตลาดสดคลองแงะ ซึ่งตั้งอยู่ภายในเขตเทศบาลตำบลพังลา อ.สะเดา จ.สงขลา เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของประชาชนเสียหายไปกว่า 100 ล้านบาท

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 27 มิถุนายน พ.ต.ท.ปัญญา คารวนันท์ พนักงานสอบสวน สภ.ต.คลองแงะ ได้เรียกพยานมาสอบปากคำ เพื่อหาเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้าย

พ.ต.ท.ปัญญา เปิดเผยว่า

มีพยานหลายปากให้การตรงกันว่าพบเห็นชายต้องสงสัย อายุประมาณ 25-30 ปี ไว้ผมรองทรง ใบหน้ายาว เดินเข้าไปหลังตลาดก่อนที่จะเกิดเพลิงลุกไหม้ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าชายคนดังกล่าวจะเป็นคนร้ายที่ลอบวางเพลิงตลาดสดคลองแงะหรือไม่

พ.ต.ท.ปัญญา กล่าวว่า

ในที่เกิดเหตุแทบไม่หลงเหลือวัตถุพยาน เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้ตลาดจนวอด วัตถุพยานต่างๆ ถูกเผาไปจนหมด เหลือความหวังเพียงอย่างเดียวคือพยานบุคคลในที่เกิดเหตุซึ่งขณะนี้ได้สอบปากคำไปแล้วหลายปาก มีหลายรายที่ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุมีความแน่ชัดแล้ว

ว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ตลาดคลองแงะครั้งนี้ เกิดจากสาเหตุลอบวางเพลิงไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าสาเหตุการลอบวางเพลิงนั้นเกิดจากอะไร และยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าจะเกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่

"ในขณะนี้คงไม่สามารถระบุได้ว่า

คนร้ายมีเจตนาอะไรในการเผาตลาด และยังไม่ชัดเจนว่าคนร้ายจะเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ ทั้งนี้จากการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุทราบเพียงว่า ก่อนเกิดเพลิงลุกไหม้ประมาณ 20 นาที มีชายต้องสงสัยอายุประมาณ 25-30 ปี เดินเข้าไปที่หลังตลาด ซึ่งกำลังสเก็ตช์ภาพชายต้องสงสัยอยู่" พ.ต.ท.ปัญญา กล่าว

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผย

จากพนักงานในเทศบาลตำบลพังลา รายหนึ่งว่า นายอำเภอสะเดา ได้เดินทางมาที่ที่ทำการเทศบาลตำบลพังลา เพื่อประชุมร่วมกับผู้บริหารเทศบาล และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้ตลาดคลองแงะ เพื่อปรึกษาหารือในการวางมาตรการป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นอีก

อีกทั้งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา

ยังได้นำถุงยังชีพกว่า 200 ถุง มาแจกจ่ายให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ด้วย

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก