อีซีพาสมัดคิม-ทำแผนยิงเปาอินทร์ ไหว้-ขมา พ่อกับแม่ ญาติแค้น ฮือรุมตื้บ

บัตรอีซี่พาสผ่านทางด่วน มัด"ไฮโซคิม" ยิงหนุ่มตระ กูลเปาอินทร์ ผบช.ภ.1 แถลงมือปืนเป็นคนสนิทผู้ตาย แต่เกิดขัดแย้งเรื่องส่วนแบ่งเงินทวงหนี้ 4 ล้าน จึงโกรธแค้นแล้วมาดักซุ่มยิง โดยใช้ปืนเอ็ม 16 ติดลำกล้องมารอหน้าบ้าน ตอนแรกไม่ได้จังหวะเลยรอสังหารตอนออกมาส่งเพื่อน แล้วขับรถเก๋งขึ้นทางด่วนหลบหนี ระหว่างทางยังเปลี่ยนทะเบียนด้วย ก่อนนำรถไปขาย สุดท้ายตร.แกะรอยจากช่องอีซี่พาส พบเป็นบัตรของเมียมือยิง จึงตามจับกุมได้ สารภาพลงมือคนเดียว แต่ตร.ไม่ปักใจเชื่อ ก่อนนำตัวไปทำแผน-ขอขมาญาติคนตาย พร้อมหวิดโดนประชาทัณฑ์ ด้านผบ.ตร.ก็ไม่เชื่อก่อเหตุคนเดียว-สั่งสอบสวนเพิ่ม

 

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 พ.ค. ที่บก.ภ.จว.นนทบุรี พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ พล.ต.ต.ศานิตย์ มหถาวร รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สำราญ ยินดีอารมณ์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี ร่วมแถลงจับกุมนายเขมทัต หรือคิม เลิศลักขนากุล อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 แขวงและเขตบางมด กทม. ผู้ต้องหาใช้ปืนเอ็ม 16 ติดลำกล้องแบบสไนเปอร์ยิงนายทิวะพันธ์ หรือรัก เปาอินทร์ บุตรชายของพ.ต.อ.อนันต์ เปาอินทร์ และหลานชายของพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตผบช.น. และรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสียชีวิตขณะอุ้มลูกสาว บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 258/20 ถนนงามวงศ์วาน ซอย 9 แยก 5 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี เมื่อกลางดึกวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา

 

โดยศาลจังหวัดนนทบุรีออกหมายจับที่ 292/2558 ลงวันที่ 22 พ.ค.58 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร

 

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่หาข่าว โดยตั้งประเด็นไว้ทั้งหมด 4 เรื่อง ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พบคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้ใช้รถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ร-8360 กทม. เป็นพาหนะ โดยหลังสังหารโหดได้ขับรถคันดังกล่าวหลบหนีขึ้นทางด่วนประชาชื่น ผ่านเข้าช่องเก็บเงินระบบอีซี่พาส เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจเช็กจากด่านของทางด่วนว่าบัตร อีซี่พาสที่ใช้ผ่านเป็นของใคร กระทั่งพบเป็นชื่อของภรรยานายเขมทัต จึงส่งกำลังไปควบคุมตัวนายเขมทัตได้ที่เดอะไลท์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม ห้องเลขที่ 8/295 ชั้น 6 ถนนเจริญนคร แขวงต้นไทร เขตคลองสาน กทม.

 

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายเขมทัตให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 แบบติด ลำกล้องยิงผู้ตาย 6 นัด จนเสียชีวิตก่อนจะหลบหนี โดยก่อนเกิดเหตุได้ขับรถมาดักซุ่มอยู่บริเวณหน้าบ้านผู้ตาย เนื่องจากเป็นคนสนิทและจะทราบว่าผู้ตายกลับบ้านในเวลาใด กระทั่งเวลาประมาณ 22.00 น. พบผู้ตายขับรถกลับบ้าน แต่ไม่มีจังหวะลงมือสังหาร จึงรอฉวยโอกาสที่ผู้ตายจะเดินออกมาส่งเพื่อน เมื่อพบผู้ตายเดินออกมาส่งเพื่อนในเวลาประมาณ 00.30 น. จึงใช้ปืนกระหน่ำยิงไป 6 นัดซ้อนและขับรถเก๋งหลบหนีขึ้นทางด่วน โดยระหว่างทางยังได้สับเปลี่ยนทะเบียนจากป้ายแดง เป็นป้ายทะเบียน กน-1552 ลพบุรี ก่อนนำรถคันดังกล่าวไปขาย แต่สุดท้ายถูกจับกุมตัวได้

 

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวต่อว่า เบื้องต้นนายเขมทัตให้การว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ ส่วนเรื่องอาวุธปืนเอ็ม 16 ติดลำกล้องที่ใช้สังหารโหด นายเขมทัตให้การว่าได้นำไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณบนสะพานกรุงเทพ สำหรับที่มาของอาวุธปืนมาจากที่ใดนั้น เจ้าหน้าที่ขอเก็บไว้เป็นความลับก่อน นอกจากนี้ผู้ต้องหายังให้การด้วยว่าเป็นคนชอบเล่นปืนและมักฝึกยิงปืนเป็นประจำ โดยเคยฝึกแบบรณยุทธ์ที่มีการต่อสู้จริง ซึ่งที่ผ่านมาผู้ต้องหามีการลงพื้นที่ดูจุดซุ่มยิง และวัดระยะห่างจากหน้าบ้านผู้ตายประมาณ 120 เมตร ซึ่งอาวุธปืนดังกล่าวสามารถยิงได้ไกลถึง 300 เมตรถ้าติดลำกล้อง

 

พล.ต.ท.อำนวยกล่าวอีกว่า สำหรับมูลเหตุแห่งการสังหารนายทิวะพันธ์นั้น นายเขมทัตและนายทิวะพันธ์รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เนื่องจากทำธุรกิจรถยนต์จดประกอบด้วยกัน โดยนายเขมทัตจะรับหน้าที่ทวงหนี้ให้กับนายทิวะพันธ์ ซึ่งมีการตกลงส่วนแบ่งจากการทวงหนี้กันไว้ แต่ระยะหลังมานี้นายทิวะพันธ์ไม่ได้แบ่งเปอร์เซ็นต์ให้รวมเป็นเงิน 4 ล้านบาท เมื่อนายเขมทัตทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงและมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงมือลงไม้และถูกนายทิวะพันธ์ข่มขู่ ทำให้นายเขมทัตโกรธแค้นและลงมือก่อเหตุ เนื่องจากรู้ว่านายทิวะพันธ์มีความขัดแย้งรุนแรงหลายกลุ่ม จึงอาศัยเป็นมือที่สามในการลงมือก่อเหตุ

 

ต่อมาพล.ต.ท.อำนวยพร้อมชุดคลี่คลายคดีควบคุมตัวนายเขมทัตไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ภายในซอยงามวงศ์วาน ซอย 9 แยก 5 โดยให้นายเขมทัตแสดงท่าประทับปืนเอ็ม 16 โดยครั้งแรกยืนประทับกับต้นกระถิน แต่ไม่ทันยิงเพราะยืนไม่ถนัด จึงเปลี่ยนท่ายิงมาเป็นประทับกับพื้นเนินดินแทน แล้วใช้ถุงกาแฟทำเป็นที่ครอบปลอกกระสุนปืน เมื่อยิงแล้วคัดปลอกออกก็จะอยู่ในถุงกาแฟไม่กระเด็นไปไหน ทำให้ในที่เกิดเหตุตำรวจไม่พบปลอกกระสุนปืน

 

จากนั้นได้ให้ผู้ต้องหาไปชี้จุดที่พยานคน ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านมาเห็น เสร็จแล้วพาผู้ต้องหาไปทำการขอขมาพ.ต.อ.อนันต์ และครอบครัว โดยพ.ต.อ.อนันต์และภรรยาได้อุ้มลูกของนายทิวะพันธ์วัยเพียงขวบเศษที่อยู่ในเหตุการณ์มาด้วย

 

โดยพ.ต.อ.อนันต์กล่าวว่า คนตายเขารัก คิมมาก ตนไม่เชื่อเลยว่าคิมจะสามารถทำกับเขาได้อย่างนี้

 

ซึ่งนายเขมทัตกล่าวว่า ผมทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่พี่รักเขาไม่ยอมเคลียร์เงินให้ผม พ.ต.อ.อนันต์ถามต่อว่าทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้ด้วยเหตุผลเพียงแค่นี้เองเหรอ ถามจริงๆ ว่ายิงเขาไปกี่นัด โดยนายเขมทัตตอบว่ายิงจริงๆ 4 นัด พ.ต.อ.อนันต์จึงชี้ไปที่หลานสาวที่นาย ทิวะพันธ์อุ้มมาด้วยในวันเกิดเหตุและถามว่าเห็นหรือไม่ว่าเขาอุ้มเด็ก แล้วยังยิงได้ลงคออีกหรือ นายเขมทัตตอบว่าเห็นครับ ผมพยายามไม่ให้โดนเด็ก ผมขอโทษด้วยนะครับป๋า

 

พ.ต.อ.อนันต์กล่าวก่อนลูบหัวนายเขมทัตว่า เราเป็นชาวพุทธ ป๋าให้อภัย ไม่อยากอาฆาตจองเวรกันต่อไป เสียใจที่ว่าเป็นคนเนรคุณ ก็ขอให้ไปรับกรรมที่ก่อไว้แล้วกันนะ

 

จากนั้นญาติพี่น้องคนอื่นที่อยู่ในอารมณ์โกรธแค้นได้กรูเข้าประชิดตัวนายเขมทัต และพยายามรุมประชาทัณฑ์ จนเจ้าหน้าที่ชุดคอมมานโดของบช.ภ.1 ต้องช่วยแยกกันตัว ผู้ต้องหาอย่างทุลักทุเล โดยพล.ต.ท.อำนวยกล่าวภายหลังว่าตนยังโดนลูกหลงเข้ากลางหลังไป 1 ทีด้วยเลย ก่อนจะพาตัวผู้ต้องหาไปทำแผนชี้จุดทิ้งปืนเอ็ม 16 ลงแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สะพานกรุงเทพทันที และนำตัวกลับมาควบคุมตัว เพื่อเตรียมส่งฝากขังต่อศาลในวันที่ 26 พ.ค.

 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า กรณีที่ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุคนเดียวนั้น ตนบอกไปแล้วว่าอย่าไปเชื่อ ให้ทำงานให้เสร็จ อย่าเพิ่งแถลงข่าว ทำให้สุดปลายทางก่อน ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อง่ายๆ ตนและพนักงานสอบสวนยังไม่เชื่อว่านายเขมทัตเป็นคนยิง คนยิงต้องเป็นระดับนักแม่นปืน ไม่เชื่อว่าคนนี้จะยิงปืนแม่นขนาดนั้น ไม่น่าจะมีศักยภาพในการใช้อาวุธยิง เพราะจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด เชื่อว่าคดีนี้มือปืนน่าจะเป็นระดับนักแม่นปืน จึงสั่งการให้พล.ต.ท.อำนวยสืบสวนคดีจนถึงที่สุด ส่วนประเด็นการสังหารไม่น่าจะเป็นเพียงแค่การทวงหนี้ ซึ่งนายเขมทัตอาจไม่ใช่มือปืน แต่อาจเกี่ยวข้องในขบวนการ ซึ่งต้องสืบสวนให้ชัดเจนอีกครั้ง โดยไม่เร่งรัด แต่ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์