ผกก.ตบเท้าร้องสมยศ-โดนเด้ง60สน. ผบช.น. ล้างบาง พิษป้าย

ผกก.ตบเท้าร้องสมยศ-โดนเด้ง60สน. ผบช.น. ล้างบาง พิษป้าย

ผกก.ตบเท้าร้องสมยศ-โดนเด้ง60สน. ผบช.น. ล้างบาง พิษป้าย

ผกก.แห่ร้อง ผบ.ตร. ถูกผบช.น.เตรียมเด้งออกนอกนครบาลหลายสิบโรงพัก

จากพิษป้ายไฟโฆษณาติดป้อมตร. "สมยศ" เผยการย้ายผกก.รวดเดียวกว่า 60 โรงพัก ต้องดูเหตุผลของผู้บังคับบัญชา ไม่ขอก้าวก่าย เชื่อมีเหตุผลตอบสังคมได้ ชี้หากคนถูกย้ายคิดว่าถูกกลั่นแกล้งก็ไปร้องศาลปกครอง-ป.ป.ช. ขณะที่ "ศรีวราห์" แจงย้ายแค่ 50-60 สน. ลั่นไม่ใช่เรื่องป้ายโฆษณาอย่างเดียว ต้องดูความประพฤติด้วย ไม่เพียงแค่ย้ายยังจะถูกดำเนินคดีอาญาด้วย ผกก.สน.สายไหมชิงยื่นเออร์ลี่รีไทร์ด้วยเหตุผลเบื่อวงการสีกากี

จากกรณีพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เสนอบัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจระดับรองผบก.และผกก.

 ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายในการประชุม ก.ตร.วันที่ 7 ม.ค. โดยมีการเสนอย้ายตำรวจระดับผกก.จำนวน 67 สน. จากทั้งหมด 88 สน. ออกนอกหน่วย โดยอ้างความผิดเรื่องป้ายโฆษณาที่ติดตั้งอยู่ตามป้อมตำรวจจราจรในกทม. หลังจากสั่งให้บก.1-9 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 4 ม.ค. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า

 เรื่องดังกล่าวต้องดูที่เหตุผลของพล.ต.ท.ศรีวราห์ ว่าการใช้เหตุผลกรณีเรื่องป้ายโฆษณานั้น เป็นเหตุผลที่เป็นธรรมหรือไม่ หรือมองแล้วเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ ต้องรอดูเหตุผลที่ผบช.น.จะชี้แจงอีกครั้ง ถ้ามีเหตุผลว่าบุคคลที่เข้าข่ายถูกย้ายออกนอกหน่วย กระทำความผิดถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผิดวินัยหรือถูกลงโทษแล้วต้องย้ายก็ถือเป็นดุลพินิจของผบช.น ตนจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ถือเป็นอำนาจการพิจารณาแต่งตั้งในหน่วยงาน ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น ไม่มีหน้าที่พิจารณาหรือเปลี่ยนแปลงรายชื่อคำสั่งแต่อย่างใด โดยรายชื่อตำรวจระดับผกก.ที่ผบช.น.เสนอนั้นจะต้องเข้าสู่ที่ประชุมก.ตร. เพื่อทราบและพิจารณาต่อไป

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า ส่วนข่าวที่ว่ามีตำรวจนครบาลที่อยู่ในข่ายถูกโยกย้ายรวมตัวเข้าร้องขอความ เป็นธรรมกับตน และรองผบ.ตร. ในฐานะคณะกรรมการก.ตร. เพื่อขอให้ทบทวนคำสั่งของผบช.น.นั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงที่ผ่านมามีนายตำรวจระดับผกก. ที่เข้าข่ายบางนายมายื่นหนังสือร้องเรียน ตนก็ส่งเรื่องไปให้ผบช.น.พิจารณาให้ความเป็นธรรมตามคำร้องเรียน ซึ่งผบช.น.ต้องให้คำชี้แจงว่ามีเหตุผลใดที่จะต้องโยกย้าย หรือไม่โยกย้ายใคร

ผู้ สื่อข่าวถามว่าผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถมาร้องเรียนโดยตรงต่อ ผบ.ตร.ได้หรือไม่

พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เมื่อมายื่นหนังสือตนต้องรับไว้เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชา เมื่อยื่นมาแล้วต้องดำเนินการส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบไปทบทวน แก้ไขเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อไป เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาได้เรียกผบช.น.มาพบเพื่อมอบหนังสือที่ได้รับการร้องเรียนไป ดำเนินการ ขณะนี้ยังไม่ทราบรายชื่อผู้ที่จะถูกโยกย้ายว่ามีทั้งหมดกี่นาย แต่หากมีใครมาร้องเรียนก็ยินดีรับเรื่อง และจะดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาเหตุผลด้วย จะใช้วิธีพวกมากลากไปไม่ได้ การจะมาชุมนุมหรือร้องเรียนต้องไตร่ตรองให้ดีว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องหรือ ไม่ ถ้าผลการสอบสวนออกมาว่าผิดจริงจะยอมรับหรือไม่ นี่คือสิ่งที่สำคัญ ตนเชื่อว่าผู้บังคับบัญชาทุกบก. บช. ไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาโดยไม่มีเหตุอันควร ปัจจุบันมีช่องทางการฟ้องร้องหลายรูปแบบหากไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งร้องศาลปกครอง หรือป.ป.ช. ทุกอย่างต้องมีเหตุผล

"ส่วน กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผบก.ถึงสว. ที่จะประชุม ก.ตร.ในวันที่ 7 ม.ค.นี้ การจัดทำบัญชีรายชื่อทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบและดุลพินิจ ผู้บังคับบัญชาแต่ละบก. ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงของตร. จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้ง เป็นเพียงผู้ให้เห็นชอบเท่านั้น จะให้สิทธิ์การพิจารณาเต็มที่ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเพียงแต่ให้นโยบายว่า ขอให้ดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรมและเป็นธรรม ให้ยึดระเบียบข้อบังคับและหลักกฎหมายเป็นที่ตั้ง" ผบ.ตร.กล่าว

ผบ.ตร.กล่าว อีกว่า หากมีการโยกย้ายจำนวนมากตามที่มีข่าวเกิดขึ้น

ก็มาจากความผิดของผู้ถูกโยกย้ายที่เป็นผู้กระทำผิดเอง เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับและดำเนินการไปตามขั้นตอน แต่ถ้าเป็นการโยกย้ายโดยมีเจตนากลั่นแกล้งหรือล้างบาง ส่วนตัวขอยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน ถ้าหากดำเนินการไม่เป็นไปตามกฎระเบียบผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งก็ฟ้องร้องต่อศาล ปกครองได้ การหมุนเวียนสับเปลี่ยนตำแหน่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่การโยกย้ายทุกตำแหน่งต้องมีเหตุผลรองรับ ส่วนตัวเชื่อว่าผู้บัญชาการแต่ละบช. มีเหตุผลตอบคำถามสังคมได้ว่าการโยกย้ายเป็นเพราะเหตุผลใด ขณะเดียวกันหากผู้กระทำผิดแล้วถูกโยกย้าย ก็ไม่ควรกล่าวหาว่าถูกกลั่นแกล้งรังแก ควรถามตัวเองก่อนว่าเคยกระทำความผิดอะไรไว้หรือไม่ ถ้าผิดจริงไม่ควรโทษหรือไปให้ร้ายผู้ที่โยกย้ายว่ากลั่นแกล้ง ต้องยอมรับกฎกติกากันบ้าง เชื่อว่าผู้บัญชาการทุกหน่วยมีวุฒิภาวะและมีเหตุผลเพียงพอ ไม่มีการ กลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีเกิดขึ้นแน่นอน

วันเดียวกันที่บช.น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยว่า ที่มีการโยกย้ายจำนวนมาก

ส่วนหนึ่งมาจากกรณีเรื่องป้ายไฟโฆษณา ที่สุดแล้วน่าจะต้องมีการดำเนินคดีอาญา โดยบช.น.เสนอตร.โยกย้ายออกนอกหน่วยไม่ถึง 67 สน. มีประมาณ 50-60 สน. ในจำนวนนี้มีสมัครใจย้ายประมาณ 20 กว่าสน. ส่วนผู้ใดจะร้องเรียนเรื่องป้ายโฆษณาว่าโยกย้ายไม่เป็นธรรม ก็ทำเรื่องเสนอขึ้นมาจะพิจารณาดำเนินการให้ แต่เบื้องต้นสรุปว่าผิดหมดและทำให้รัฐเสียหาย การแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องป้ายโฆษณาอย่างเดียว ต้องดูเรื่องความประพฤติ การทำงานด้วยว่าได้เรื่องหรือไม่ บางรายโดนเรื่องป้ายไฟแล้วไม่โดนย้ายก็มี เนื่องจากต้องดูเรื่องการทำงานด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตร.กำชับการโยกย้าย เรื่องป้ายไฟให้พิจารณาด้วยความเป็นธรรม พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า
 
ทางตร.ไม่ต้องกำชับเลย เพราะสุดท้ายทางตร.ก็เห็นชอบเรื่องป้าย ถ้ารัฐเสียหายก็สรุปมาว่าผิด ถ้ารัฐไม่เสียหายก็สรุปมาว่ายุติ ซึ่งยุติไปตั้งหลายรายไม่ใช่เรื่องป้ายโดนย้ายหมด แต่ถ้าสน.ไหนโดนก็เป็นมูลฐานข้อหนึ่งที่จะพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้าย รวมทั้งต้องดูผลงานและความประพฤติด้วย คนโดนเรื่องป้ายแล้วไม่ถูกย้ายก็มี เพราะมีผลงานและความประพฤติดี ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบก.-สว. เสนอรายชื่อไปให้ตร.ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2557 แล้ว

เมื่อ ถามว่ามีกระแสข่าวว่ามีตำรวจถูกโยกย้ายออกนอกหน่วยครั้งนี้มากเป็นประวัติการณ์ พล.ต.ท.ศรีวราห์ ตอบว่า เยอะไม่เยอะมันอยู่ที่ผลการปฏิบัติกับความประพฤติ ถ้าปล่อยปละละเลยบุกรุกที่หลวงเก็บเงินกันแล้ว จะให้ตนทำอย่างไร ต้องไปถามผู้บังคับบัญชาสมัยเก่าดูว่าปล่อยกันได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ผิดกฎหมายและทำให้รัฐเสียหาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เชวงศักดิ์ สินสูงสุด ผกก.สน.สายไหม

ซึ่งถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องป้ายไฟโฆษณาของร.พ.แห่งหนึ่งติดอยู่ป้อม จราจรในพื้นที่ ได้ยื่นหนังสือขอเกษียณราชการก่อนกำหนดแล้ว โดยพ.ต.อ.เชวงศักดิ์ เปิดเผยว่า ไม่อยากพูดอะไรมากถึงเหตุที่ขอลาออก เพราะเบื่อหน่ายวงการตำรวจ ขณะที่บุคคลใกล้ชิดของพ.ต.อ. เชวงศักดิ์ให้ข้อมูลว่า พ.ต.อ.เชวงศักดิ์รู้ตัวว่าจะถูก โยกย้ายออกนอกหน่วยจากเรื่องป้ายไฟ จึงยื่นหนังสือขอเออร์ลี่รีไทร์ เพราะปีนี้ก็จะเกษียณอายุราชการแล้วจึงไม่อยากเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด รวมทั้งก่อนหน้านี้เรียงลำดับอาวุโสแล้วอยู่ลำดับที่ 4 มีสิทธิ์ได้ขึ้นรองผบก.ในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ แต่โดนพิษป้ายไฟทำให้ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง แล้วยังถูกโยกออกนอกหน่วยจึงตัดสินใจลาออก

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์