ออกหมายเรียก ´โจ้เพาเวอร์เจล´

"หมายเรียก โจ้เพาเวอร์เจล"



กรณีพบระเบิดแบบเพาเวอร์เจล เชื้อปะทุ ระเบิดน้อยหน่า และกระสุนปืนซุกอยู่ในห้องพักของนายสมพงษ์ หรือโจ้ อินทร์งาม อายุ 25 ปี

หลานชายนายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ

การไฟฟ้านครหลวง แกนนำร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกมาปฏิเสธแทนหลานว่า ไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องและอาจโดนกลั่นแกล้งดึงเข้าไปเป็นเรื่องการเมือง พร้อมจะติดตามตัวหลานเข้าให้ปากคำแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายวันที่ 18 พ.ค.

พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร. เป็นประธานประชุมคณะสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดที่เกิดขึ้นหลายแห่งใน กทม. มี พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ตร.

พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.

และ พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. เข้าร่วมประชุมพร้อมคณะทำงาน ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง หลังจากนั้น พล.ต.อ.พัชรวาทเปิดเผยว่า อยู่ระหว่างหาความเชื่อมโยงคดีระเบิดในพื้นที่ กทม. แต่พยานหลักฐานยังโยงกันไม่ได้ เพราะแตกต่างกัน ส่วนจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ตอบไม่ได้ คดีระเบิดเป็นเรื่องยาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุวินาศกรรม 9 จุด

ทั่วกรุงเกิดมา 5 เดือน แต่ไม่คืบหน้าต้องเปลี่ยนทีมสืบสวนสอบสวนหรือไม่ พล.ต.ท.พัชรวาทกล่าวว่า คดีคืบหน้าเรื่อยๆต้องให้เวลาสืบสวนสอบสวนต่ออีก เพราะเป็นคดีที่ยาก



ส่วนเรื่องระเบิดเพาเวอร์เจลในห้องพักย่านบางพลัด

ก็กำลังสืบสวน แต่จะให้ตอบชัดเจนไม่ได้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า คดีเกี่ยวกับการเมืองตำรวจจะทำงานไม่เต็มที่หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาทกล่าวว่า ตอบลำบาก ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน ไม่มีหน้าที่ไปวิเคราะห์ว่าเกี่ยวข้องกับอะไร

พล.ต.ท.อดิศร นนทรีย์ ผบช.น. กล่าวว่า

ที่ประชุมได้รวบรวมเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นย้อนหลังมาเปรียบเทียบกันเพื่อให้เป็นประโยชน์ในการทำงาน ยอมรับว่ามีหลายคดีคล้ายคลึงกันได้สั่งชุดสืบสวนสอบสวนนครบาลและผู้เกี่ยวข้องไปหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว

สำหรับคดีพบระเบิดย่านบางพลัดต้องรอผู้เชี่ยวชาญ

ตรวจพิสูจน์ หลักฐานที่ได้เก็บวัตถุพยานต่างๆ เปรียบเทียบกรณีที่หลายฝ่ายกล่าวหาซึ่งกันและกัน เป็นเพียงความเห็นของแต่ละฝ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ขณะนี้อยากพบนายสมพงษ์มาก

แต่ยังไม่มีการติดต่อขอ มอบตัว

นายเพียรผู้เป็นลุงก็ติดต่อหลานไม่ได้ หากเข้ามอบตัวทุกอย่างจะกระจ่างมากขึ้น การพาดพิงใครต้องดูพยานหลักฐาน ถ้ากล่าวหาลอยๆต้องพิจารณาให้ละเอียดก่อน คงไม่รีบร้อนในการจับกุมผู้ใดเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร.

กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนกลาง ทำคดีไปตามพยานหลักฐาน ไม่ได้กลั่นแกล้ง จึงกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ ทำคดีอย่างรอบคอบ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด ไม่มีการกลั่นแกล้งฝ่ายใด



ส่วนตัวยังมองไม่เกี่ยวกับการเมือง

ถ้าสอบสวนได้พยานหลักฐานที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน สำหรับกรณีกอง ปราบปรามตรวจยึดระเบิดเพาเวอร์เจลใน จ.สระบุรีนั้นเป็นความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ปล่อยปละ ละเลย

ให้มีการครอบครองระเบิดโดยไม่ขออนุญาต

เกินจำนวนที่ได้รับอนุญาตมา ไม่ได้มีการแจ้งใช้ไปเท่าไร และใช้แล้วเหลือจำนวนเท่าไร ทำให้เก็บสะสมเป็นจำนวนมากจึงได้สั่งให้สืบสวนในเชิงลึกว่าจำนวนที่เกิน หรือที่ไม่ได้แจ้งนั้นนำไปใช้อะไรบ้าง

ส่วนกรณี น.ส.ปณิสรา สภาสุขดี

อดีตแฟนสาวนายสมพงษ์ อินทร์งาม โต้ว่าไม่เคยให้การเห็นนายสมพงษ์มีวัตถุระเบิดตามที่โฆษกตำรวจออกมาแถลงก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.รณรงค์ ยั่งยืน โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวว่า ไม่ได้ระบุว่า น.ส.ปณิสราเห็นวัตถุระเบิด

สิ่งที่ออกมาแถลงวันนั้นเป็นความผิดพลาดด้านการสื่อสาร

ตนได้สอบถามข้อมูลจากพนักงานสอบสวนเรื่องการขออนุมัติหมายจับทราบว่า มีคำให้การว่าเห็นอาวุธปืน จึงออกมาแถลงรวมๆไปเป็นวัตถุระเบิด อาวุธปืนและเครื่องกระสุน

ประกอบกับสื่อมวลชนซักถามกันมาก

เลยเกิดความผิดพลาดในการสื่อความ เมื่อตรวจสอบกลับไปยังพนักงานสอบสวนแล้วถึงทราบว่าฝ่ายหญิงไม่เคยให้การเห็นระเบิด แต่เคยเห็นปืนเท่านั้น



ด้าน พ.ต.อ.ชัยวรินทร์ เพ็ญสุภา ผกก.สน.บางพลัด

กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกนายสมพงษ์ หรือโจ้ อินทร์งาม ให้มาพบเพื่อให้ปากคำแล้ว ในวันที่ 28 พ.ค.นี้ หากไม่มาอาจพิจารณาขออนุมัติศาลจังหวัดตลิ่งชันออกหมายจับอีกครั้ง

เพราะถือว่าส่อเจตนาไม่บริสุทธิ์ คิดหลบหนี

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคงต้องดำเนินคดีนายสมพงษ์ข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อน ตามคำให้การของอดีตแฟนสาว

ที่ยืนยันเห็นนายสมพงษ์พกปืนออโตเมติกเป็นประจำ

เมื่อพนักงานสอบสวนตรวจสอบไปยังกองทะเบียนอาวุธปืนแล้ว ไม่มีหลักฐานว่านายสมพงษ์ขอใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน

วันเดียวกัน นายเพียร ยงหนู ประธานสหภาพ

แรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟน. ลุงของนายสมพงษ์ กล่าวภายหลังรับดอกกุหลาบให้กำลังใจจากเพื่อนพนักงาน กฟน. ว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหลาน คิดว่าคงไม่นาน ต้องให้จิตใจนายสมพงษ์สงบก่อน

และปรึกษาทนายให้เรียบร้อยแล้วตนจะพาไปมอบตัวเอง

ขณะนี้นายการุณ ใสงาม สมาชิก สนช. ก็รับปากเป็นทนายให้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้ใหญ่โทรศัพท์มาให้กำลังใจและให้คำปรึกษา ขอตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้เป็นเพราะตนไปละลาบละล้วงผู้ใหญ่บางคนหรือไม่



ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับทำใหญ่โต

เพื่อโยงให้เป็นเรื่องการเมือง ตนเสียความรู้สึกมาก อาจมองได้ว่ามีคนจ้องเล่นงานตน ใช้หลานชายเป็นเครื่องมือ อยากวิงวอนว่าตนทำผิดอะไร หรือเพราะไปยื่นหนังสือเรียกร้องปลดนายกรัฐมนตรี

เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.บ.ทุนรัฐวิสาหกิจ

อยากขอร้องผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าทำให้บานปลายเป็นเรื่องการเมือง อย่าเอาอนาคตเด็กมาเป็นข้อต่อรองทางการเมือง แต่ถ้ามีหนังสือเชิญตัวไปให้ปากคำก็พร้อมร่วมมือ

เวลา 15.00 น. นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย

ผวจ. สระบุรี พล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.อลงกรณ์ หทัยยุทธ ผบก.ภ.จ.สระบุรี และ พ.อ.ดำริห์ สุขพันธ์ รอง ผบก.จังหวัดทหารบกสระบุรี สนธิกำลัง 250 นาย นำหมายค้นศาลจังหวัดสระบุรีเข้าตรวจค้นโรงโม่หิน 26 แห่ง

ในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย

อ.เฉลิมพระเกียรติ 18 แห่ง อ.พระพุทธบาท 7 แห่ง และ อ.แก่งคอย 1 แห่ง โดยนายธวัชชัยและ พล.ต.ท.เอกเข้าตรวจค้นโรงโม่หินศิลาสากล ตั้งอยู่เลขที่ 60 หมู่ 5 ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ มีนายมนตรี แฉล้มลักษณ์ ผู้จัดการ

เป็นผู้ พาค้นโกดังเก็บวัตถุระเบิดบนเชิงเขา

พบดินระเบิด 5,749 แท่ง ปุ๋ยยูเรีย 6,000 กก. แก๊ป 1,615 แท่ง แต่จากการตรวจสอบพบตรงตามบัญชีที่ขออนุญาต ส่วนจุดอื่นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย



นายธวัชชัยกล่าวว่า ในพื้นที่มีบริษัทผู้ใช้อยู่ 47 ราย

ในพื้นที่ 5 อำเภอ ที่มีโรงโม่หิน โรงปูนเยอะ ส่วนบริษัททำวัตถุระเบิดมี 11 แห่ง อยู่ใน ต.ห้วยแห้ง อ.แก่งคอย ตั้งอยู่ในหุบเขาเป็นพื้นที่เฉพาะ ทางจังหวัดได้เข้าตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา มีคณะกรรมการควบคุมการจัดเก็บทุกขั้นตอน

ในระดับจังหวัดตรวจเดือนละ 1 ครั้ง

ระดับอำเภอตรวจเดือนละ 2 ครั้ง ในวันที่ 22 พ.ค. จะเรียกประชุมเพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ และจัดระเบียบไปในตัว ส่วนปัญหาการซุกซ่อนมีไม่มาก น่าจะไม่เกิน 1-2 แห่ง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดมากขึ้นแล้ว

ที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเพียร ยงหนู ออกมาระบุการพบระเบิดในห้องพักของหลานชายเป็นแผนทำลายความน่าเชื่อถือ

ภายหลังยื่นหนังสือขอให้ปลดนายกฯ

ออกจากตำแหน่งว่า คงอยู่ที่พยานหลักฐาน ได้รับรายงานว่าคดีมีความคืบหน้าเพิ่มเติม แต่การจะชี้ไปในทางใด ผู้ต้องสงสัยควรเข้ามาชี้แจงเอง ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไร

กรณีที่หลายฝ่ายข้องใจกับท่าทีของ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการ ผบ.ตร. รีบด่วนสรุป นายกรัฐมนตรีตอบว่า เป็นเรื่องของตัวบุคคล คดีนี้อยู่ที่พยานหลักฐาน หากไม่เชื่อถือในหลักฐานก็จะทำให้เกิดความไขว้เขวอย่างที่ทึกทักกัน



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์