โผล่อีก-ขืนใจแหม่ม ลงมือที่ พัทยา ตั้งค่าหัว 5 หมื่น

โผล่อีก-ขืนใจแหม่ม ลงมือที่ พัทยา ตั้งค่าหัว 5 หมื่น


โผล่อีก-ขืนใจแหม่ม ลงมือที่ "พัทยา" ตั้งค่าหัว 5 หมื่น

ท่องเที่ยวไทยฉาวอีก เมื่อมีผู้โพสต์รูปชายไทยว่อนเน็ต อ้างเป็นผู้ต้องสงสัยลวงสาวเมืองโคนมจากเมืองพัทยา ไปขืนใจ ผกก.โรงพักเจ้าของท้องที่อ้างอยู่ระหว่างประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ส่วนคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวเมืองผู้ดี ตำรวจแพร่ภาพวงจรปิดหนุ่มต้องสงสัย วิ่ง กระเซอะกระเซิงอยู่ใกล้จุดพบศพ คาดหากไม่มีส่วนรู้เห็นก็เป็นพยานสำคัญเร่งควานหาตัว สยองอีกที่ภูเก็ตศพหญิงสาวผิวขาวถูกมัดมือไพล่หลังทิ้งทะเล อวัยวะเพศ-หน้าอกถูกตัดทิ้ง ตร.เร่งสอบเป็นต่างชาติหรือสาวไทย


เมื่อวันที่ 29 ก.ย. รายงานข่าวว่า มีผู้แพร่ภาพสเกตช์ของชายไทยคนหนึ่ง อายุประมาณ 25-30 ปี ในโลกออนไลน์ โดยผู้โพสต์ระบุว่าเป็นผู้ต้องสงสัยที่ล่อลวงนักท่องเที่ยวสาวชาวเดนมาร์ก วัย 23 ปี ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีขาว ไม่ทราบทะเบียน จากพื้นที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ไปข่มขืนกระทำชำเราที่ไร่มันสำปะหลังในเขตพื้นที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง เหตุเกิดเมื่อ วันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ. ห้วยใหญ่ ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับสเกตช์ภาพคนร้าย ก่อนที่ญาติผู้เสียหายจะตั้งเงินรางวัลนำจับจำนวน 50,000 บาทแก่ผู้ชี้เบาะแส


รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับผู้เสียหายชาวต่างชาติรายดังกล่าว มีญาติทำธุรกิจอสังหาริม ทรัพย์ในพื้นที่เมืองพัทยา และได้เดินทางมาพักผ่อนในประเทศไทยหลายครั้ง จนมาเจอคนร้ายที่อ้างว่าเป็นคนขับรถ จักรยานยนต์รับจ้าง และอาสาจะไปส่งที่พักจนกระทั่งผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงถูกล่อลวงไปข่มขืนกระทำชำเราในไร่มันสำปะหลังดังกล่าว จากการตรวจสอบในจุดเกิดเหตุบริเวณไร่มันสำปะหลังริมถนนสายห้วยใหญ่ พบเพียงเศษเส้นผมบางส่วนและร่องรอยการต่อสู้


ด้านพ.ต.อ. กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ เผยถึงกรณีดังกล่าวว่า อยู่ระหว่างประชุมกับผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นยังไม่ทราบจุดที่เกิดเหตุ และรายละเอียดของเหตุการณ์ที่แน่ชัด ต้องขอเวลาตรวจสอบและสืบสวนก่อน


ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายก่อเหตุฆาตกรรมนายเดวิด มิลเลอร์ และน.ส.ฮันนาห์ วิเทอริดจ์ 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษเสียชีวิตบนเกาะเต่า แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังก้องโลกของ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหมเผยว่า เรียกผู้เกี่ยวข้องเข้ารายงานความคืบหน้าของคดี พร้อมระบุว่า พอใจการทำงานของตำรวจ ที่พยายามหาพยานหลักฐานต่างๆ อย่างเต็มที่ จึงไม่จำเป็นต้องสั่งการเพิ่มเติม และมั่นใจตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้ พร้อมยืนยันว่า ไม่มีมาเฟียในพื้นที่ตามที่เป็นข่าว ขณะเดียวกันสื่อมวลชนต้องช่วยกันนำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์ เพราะต่างชาติกำลังจับตาและโจมตีการทำงานของตำรวจไทย


ส่วน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.เผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ทีมงานสืบสวนสอบสวนในพื้นที่รวมทั้งตำรวจสนับสนุน จากส่วนกลางเร่งทำงานเพื่อคลี่คลายคดีอย่าง เต็มที่ ทำงานอย่างเป็นระบบ มีการบริหารจัดการความคืบหน้าทางคดี โดยพล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 จะแจ้งให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ยืนยันว่าตำรวจทุกหน่วยทำงานกันอย่างเต็มที่เกาะติดตลอด จะทำให้ดีที่สุด แต่คงไม่สามารถวางกรอบเวลาได้ ต้องให้เวลาตำรวจในการสืบสวนสอบสวน


พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยยังดำเนินการต่อไป เพื่อเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอที่ได้จากศพผู้เสียชีวิต ซึ่งวางแนวทางการสืบสวนกลุ่มผู้ต้องสงสัยในหลายส่วน ในกรอบเวลาช่วงที่เกิดเหตุ พื้นที่เกิดเหตุ ส่วนผลดีเอ็นเอล่าสุดที่มีการนำผู้ต้องสงสัยมาตรวจนั้น ยังไม่ได้รับรายงานว่าตรงกับดีเอ็นเอที่พบที่ศพหรือไม่ ส่วนตัวคนร้ายก็ยังไม่ชัดเจนว่าอยู่ในพื้นที่หรือออกนอกพื้นที่ไปแล้ว


ด้าน พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ 10) ระบุว่า การตรวจดีเอ็นเอผู้ต้องสงสัยของตำรวจในขณะนี้ไม่ใช่การเหวี่ยงแห แต่หากพบมีจุดน่าสงสัยก็จำเป็นจะต้องเก็บหลักฐานให้รอบด้าน ซึ่งดีเอ็นเอเป็นเพียงหลักฐานส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่สิ่งชี้ขาดถึงตัวคนร้าย เพราะต้องนำไปประกอบกับหลักฐานอื่นด้วย และเชื่อว่าหลักฐานที่มีขณะนี้จะสามารถพิสูจน์ตัวคนร้ายได้


ขณะ เดียวกัน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภาค 8 เผยว่า ขณะนี้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดกว่า 200 ตัว รวมทั้งบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ หรือมีการเข้าออกเกาะ ยืนยันว่าตำรวจมาถูกทางแล้ว ซึ่งจากการเก็บพยานหลักฐานเชื่อว่าแน่นหนาพอที่จะชี้ตัวคนร้าย แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากกลุ่มที่รู้เห็นเหตุการณ์ที่มีมากกว่า 2 คนให้ช่วยเข้าให้ข้อมูล นอกจากนี้ จะมีการนำกลุ่มต้องสงสัยเดิมมาตรวจดีเอ็นเอซ้ำ เพราะมีความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจอยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยเหล่านี้ ขณะเดียวกันมีการตั้งทีมขึ้นมาตรวจสอบข้อมูลทางโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เพื่อรับฟังข้อมูลจากหลายด้าน


ส่วนที่ศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะ กิจคลี่คลายคดีฆ่า 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ภาค 8 ส่วนหน้า (ศปก.ภาค 8 สน.เกาะเต่า) ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา ผกก.สส.ภาค 8 ประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เพื่อเร่งติดตามตัวบุคคลต้องสงสัยซึ่งกล้องวงจรปิดหลายตัวใกล้ที่เกิดเหตุ จับภาพไว้ได้


ต่อมาเจ้าหน้าที่เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นภาพที่ชายคนหนึ่งวิ่งผ่านกล้องวงจรปิดหลายตัว ในบริเวณใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุบนถนนเลียบหาดทรายรี คาดว่าน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัย หรือพยานในคดีดังกล่าว ซึ่งต้องการทราบว่าชายคนดังกล่าวเป็นใคร เนื่องจากเป็นพยานที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และอยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาเกิดเหตุ คือเวลา 02.00-04.00 น. จึงต้องการนำตัวมาสอบปากคำเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการคลี่คลายคดี

โดย ชายในภาพดังกล่าวมีลักษณะผอม สูงประมาณ 160-170 เซนติเมตร ผมสีดำลักษณะกระเซอะกระเซิง นุ่งกางเกงห้าส่วน ไม่สวมรองเท้า จากกล้องวงจรปิดหน้าร้านกู๊ดเฮลท์ พบภาพชายดังกล่าววิ่งผ่านหน้ากล้องในเวลา 03.45 น. และเวลา 04.49 น. โดยมุ่งหน้าไปทางโรงแรมโอเชี่ยนวิวทั้ง 2 รอบ นอกจากนั้นกล้องที่หน้าร้านอินทัชยังจับภาพชายคนเดียวกันได้ในเวลา 04.48 น. กำลังมุ่งหน้าไปทางโรงแรมโอเชี่ยนวิวเช่นเดียวกัน ก่อนวิ่งย้อนกลับมาผ่านกล้องอีกครั้งในเวลา 04.51 น. รวมเวลาที่ชายคนดังกล่าวอยู่ทางฝั่งโรงแรมโอเชียนวิว ประมาณ 2 นาที

ด้าน พล.ต.ท.ปัญญาให้สัมภาษณ์ถึงภาพวงจรปิดที่แจกให้สื่อมวลชนว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบไม่น่าจะใช่คนไทย เนื่องจากชุดสืบสวนลงสอบถามชาวบ้านในพื้นที่แล้วไม่มีใครรู้จักชายคนดัง กล่าว และใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ในการค้นหาชายคนดังกล่าวก็ยังไม่พบ จึงคาดว่าน่าจะเป็นชาวต่างชาติสัญชาติเอเชีย ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งแรงงานพม่า หรือชาวต่างชาติที่เล่นไฟ ซึ่งมักถอดเสื้อ ทั้งนี้ จะได้เร่งติดตามตัวชายคนดังกล่าวมา สอบสวน เนื่องจากอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และอยู่ในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่เกิดเหตุ


วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.ภาค 8 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่กก.สส.บก.ภ.จว.สุราษฎร์ ธานี และเจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนบช.น. ตรวจสอบแหล่งพักอาศัยของแรงงานชาวพม่ารวม 4 จุด บนเกาะเต่า เพื่อติดตามบุคคลเป้าหมายมาทำประวัติและเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ซึ่งจุดนี้ตำรวจพบกับแรงงานชาวพม่า 3 คน ซึ่ง 1 ในนั้นตั้งวงเตะตะกร้อกับพรรคพวก แต่กลับวิ่งหนีขณะตำรวจเข้าไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา จึงเชิญตัวแรงงานชาวเมียนมาร์ทั้ง 3 คนมาซักถามข้อมูล


ขณะ เดียวกันยังตรวจยึดกีตาร์โปร่ง 3 ตัว จากที่พักแรงงานชาวพม่าแห่งหนึ่ง โดย 2 ใน 3 ตัวมีผู้รับเป็นเจ้าของ แต่อีก 1 ตัวถูกซุกซ่อนไว้โดยไม่มีใครรับเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงเก็บตัวอย่างลายนิ้วมือ และตัวอย่างดีเอ็นเอ นำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นที่พบในร่างกายของ น.ส.ฮันนาห์


นอก จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บช. ภาค 8 ยังติดตามตัวบุคคลชาวไทย 7 คน ในกลุ่มนักกีฬาฟุตบอลที่ร่วมแข่งขันฟุตบอลประเพณีเมื่อวันที่ 14 ก.ย. และปรากฏตัวบริเวณที่เกิดเหตุ ก่อนนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษทั้งคู่จะถูกฆ่าตาย ซึ่งผลการสอบสวนไม่เป็นที่เปิดเผย ทราบเพียงว่าตรวจเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อตรวจสอบดีเอ็นเอทั้งหมด ซึ่งบุคคลทั้ง 7 คน เป็นคนในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งจาก อ.เกาะพะงัน อ.เกาะสมุย อ.เมืองสุราษฎร์ธานี และ จ.ชุมพร


ส่วนกรณีพบศพ ชาวต่างชาติเสียชีวิตลอยอืดอยู่บนชายหาดเกาะกุฎีใกล้กับเกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง สภาพศพคล้ายถูกทุบด้วยของแข็งจนกะโหลกท้ายทอยยุบและยังมีรอยฟกช้ำตามร่างกาย โดยไม่พบหลักฐานแสดงว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน จึงประสานไปยังสถานีตำรวจใกล้เคียงว่ามีการแจ้งคนหายหรือไม่ แต่ยังไม่พบเบาะแสของผู้ตายแต่อย่างไร สำหรับศพคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 วัน ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้ว


ความ คืบหน้าเรื่องดังกล่าว พ.ต.อ.อภิชาติ ไชยบุญเรือง ผกก.สภ.เพ เผยว่า หลังเกิดเหตุประสานไปยังพื้นที่ใกล้เคียงรวมถึงแหล่งท่องเที่ยวภายใน จ.ระยอง แต่ยังไม่พบว่ามีการแจ้งคนหายและไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหายไป แต่จากการชันสูตรของแพทย์ร.พ.ระยอง ก่อนจะส่งไปยังสถาบันนิติเวช ยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายเป็นคนสัญชาติใด เพราะสภาพศพขึ้นอืด และถูกน้ำทะเลกัดจนผิวหนังลอกออกจนทำให้มองคล้ายกับฝรั่ง



พ.ต.อ. อภิชาติ กล่าวว่า นอกจากนี้กะโหลกท้ายทอยที่ยุบก็ยังไม่ชัดเจนว่าถูกทำร้าย หรือกระแทกกับหินบริเวณชายหาด จึงอาจเป็นไปได้ว่าศพที่พบอาจเป็นลูกเรือประมง และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเหมือนอย่างที่กำลังเป็นข่าวดัง อยู่ จึงยังไม่ระบุว่าเป็นการฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทิ้งศพลงทะเล เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวระยอง เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งสืบหาเบาะแสของผู้ตาย ทั้งในสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ด และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างละเอียดอีกครั้ง และรอผลการพิสูจน์จากสถาบันนิติเวชเพื่อเป็นหลักฐานในการหาหลักฐานของผู้ เสียชีวิตว่าเป็นใครมาจากไหน


ด้านผู้ประกอบการการท่องเที่ยว บนเกาะเสม็ดต่างต้องการให้หาเบาะแสของผู้ตายและคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะกลัวจะกระทบต่อการท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาติที่อาจจะกลัวจนไม่กล้า เดินทางมาท่องเที่ยว และกลัวจะถูกเหมารวมเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกาะเต่า ต่างยืนยันว่าสถานที่ท่องเที่ยวของ จ.ระยอง ยังปลอดภัย


วัน เดียวกัน ร.ต.อ.จิรศักดิ์ สังข์วิสุทธิ์ ร้อยเวร สภ.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต รับแจ้งเหตุพบศพลอยน้ำถูกคลื่นซัดมาจมกองทรายริมหาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล จึงนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.ต.สมศักดิ์ สุวิสัน รอง สวป. เจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต และอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรม จุดบ้านเชิงทะเล ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตผู้หญิง สภาพเปลือยกาย ร่างกายเน่าเปื่อย บริเวณศีรษะมีรอยกัดแทะของสัตว์เหลือแต่หัวกะโหลก มีเนื้อเหลือช่วงเอวไปถึงขา อวัยวะเพศและหน้าอก หายไป มือทั้ง 2 ข้างถูกมัดไพล่หลังด้วยเชือก ส่งกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งไปทั่วบริเวณ


ห่าง จากศพประมาณ 10 เมตรพบฟันและกรามล่าง รวมทั้งกระดูกซี่โครง 1 ชิ้นตกอยู่บนหาดทราย คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตน่าจะมีอายุประมาณ 25-40 ปี เสียชีวิตนานกว่า 7 วัน ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครมาจากไหน เจ้าหน้าที่นำศพไปเก็บไว้ที่ร.พ.ถลาง เพื่อส่งต่อยังสถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ ตรวจสอบหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าศพหญิงสาวรายดังกล่าวผิวขาว ขาเรียว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชาวยุโรปหรือเอเชีย คาดว่าศพ ดังกล่าวถูกคนร้ายฆ่าโหดนำมาทิ้งทะเลเพื่ออำพรางคดี

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์