สลดลูกเป็นโรคประสาทคว้ามีดแทงแม่ดับอนาถ

สลดลูกเป็นโรคประสาทคว้ามีดแทงแม่ดับอนาถ


อดีตครูประถมป่วยเป็นโรคประสาทคว้ามีดแทงแม่ดับอนาถคาบ้าน สารภาพแค้นถูกหักข้อเท้า ข้อเข่าจนเดินไม่ได้ แถมถูกดุด่าทุบตีตลอด ย้ำ! ถึงจะเป็นวันแม่ก็ไม่สนแล้ว


เมื่อวันที่9ส.ค. พ.ต.ต.สมเจตน์พลเหลา พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุคนถูกแทงเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่301/554หมู่บ้านกิตตินิเวศน์ซ.4ซ.รามคำแหง68ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) แพทย์นิติเวชฯ รพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวปลูกสร้างด้วยปูนสูง 1 ชั้น ติดริมถนนบริเวณด้านหน้าห้องรับแขก ใกล้ราวเหล็กสำหรับผู้พิการใช้ค้ำยัน พบศพนางกัลยาณี วงศาสนธิ์ อายุ80ปี นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอย่างน่าสยดสยอง สวมเสื้อเชิตแขนยาวสีขาว นุ่งกางเกงสแล็คขายาวสีขาวเปื้อนเลือดใส่ถุงเท้าสีขาว พบบาดแผลฉกรรจ์ที่หน้าผาก1แผล ด้านหลังศีรษะ1แผล และหน้าท้องมีรอยถูกแทงด้วยของมีคมอีก1แผล รวมทั้งหมด3แห่ง ตรวจสอบภายในร่างกายพบเอกสารบัตรประชาชนของผู้ตาย และเงินสด 3,100 บาท นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบมีดเดินป่าด้ามไม้ ยาวประมาณ 1 ฟุตมีคราบเลือด สวมปลอกหนังสีดำวางอยู่บนโต๊ะ และยังพบบัตรรักษาตัวโรงพยาบาลประสาทวิทยาภายในห้องนอน โดยมีนายวิชากร วงศาสนธิ์ อายุ 56 ปี ลูกชายผู้ตายซึ่งเป็นผู้ลงมือฆ่าแม่บังเกิดเกล้ายืนตัวสั่นพูดจาพร่ำเพ้อรอมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน พร้อมควบคุมตัวไปสอบสวน ที่ สน.หัวหมาก ก่อนนำศพผู้เสียชีวิตไปชันสูตรพลิกศพที่ สถาบันนิติเวชวิทยา

สอบสวนนายหน่อย เรนางกูร อายุ54ปี เพื่อนบ้านและเป็นผู้ดูแลนางกัลยาณี ให้การว่า ผู้ตายอาศัยอยู่กับนายวิชากรลูกชายเพียง 2 คน ภายในบ้านหลังดังกล่าว โดยผู้ตายมีลูกทั้งหมด 5 คน นายวิชากรเป็นลูกคนที่ 3 อดีตเคยรับราชการครู ร.ร.ชั้นประถมศึกษาที่จังหวัดกาฬสิน เมื่อ 10 กว่าปี ก่อนนายวิชากรมีอาการทางประสาทจนต้องออกจากราชการมารักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีธัญญาโรงพยาบาลประสาทวิทยา และล่าสุดรักษาที่โรงพยาบาลเพชรเวช แต่ก็ยังไม่หายดีรวมทั้งมีอาการเรื่องสุขภาพแขนขาอ่อนแรง มือไม้สั่นตลอดเวลาส่วนผู้ตายมีโรคประจำตัวหลายโรค อาทิ โรคไต โรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคชรา ต้องทำการรักษาตัวทุกสัปดาห์ ซึ่งทุกวันนี้มีนางพรพนิดา ฉัตรวิริยะเจริญ อายุ 55 ปี น้องสาวผู้ก่อเหตุ และเป็นลูกสาวของผู้ตายมีอาชีพเป็นพนักงานโรงงานทาเล็บ ที่ย่านซอยลาดพร้าว 71 มักจะนำอาหารและเงินมามอบให้นางกัลยาณีทุกๆวัน

จากการสอบสวนนายวิชากรให้การว่า แม่ของตนเคยทำร้ายร่างกายตนในวัยเด็กด้วยการหักข้อเท้า และข้อเข่าขวาจนเดินไม่ได้หนำซ้ำชอบดุด่าทุบตีตนมาโดยตลอด ปัจจุบันแม่เดินไม่ได้ จนทำให้ตนรู้สึกเครียดและโกรธแค้นจึงนำมีดเล่มดังกล่าวมาเก็บไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากผู้เป็นแม่และคนในละแวกใกล้เคียง เพราะเกรงว่าจะถูกทำร้าย โดยก่อนเกิดเหตุตนนั่งดูวอลเล่บอลทีมชาติไทยกับผู้ตายจนมีผลการแข่งขันออกมาทีมชาติไทยแพ้ ประกอบกับแม่พูดต่อว่าตนหลังจากนั้นตนจึงเดินออกมาล้างจานหน้าบ้าน แต่กลับเข้าบ้านไม่ได้เพราะแม่ปิดประตูไม่ให้เข้าทำให้รู้สึกแค้นจึงใช้อาวุธมีดที่เตรียมไว้จ้วงแทงผู้เป็นแม่จนเสียชีวิต

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าในช่วงนี้ใกล้จะถึงวันแม่แห่งชาติแล้วจะไหว้ใครนายวิชากร กล่าวสั้นๆว่า “ถึงจะเป็นวันแม่ก็ไม่สนแล้ว”

ด้าน พ.ต.ต.สมเจตน์เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้สันนิษฐานว่า คนร้ายมีอาการทางประสาทจนลงมือก่อเหตุผู้เป็นแม่จนเสียชีวิต อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเรียกญาติและพยานแวดล้อมมาทำการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปสาเหตุแรงจูงใจที่ทำให้เกิดการสังหารที่แท้จริงเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าบุพการีแก่นายวิชากร ก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป..

สลดลูกเป็นโรคประสาทคว้ามีดแทงแม่ดับอนาถ


สลดลูกเป็นโรคประสาทคว้ามีดแทงแม่ดับอนาถ


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์