ไหม้ห้องคลอกดับ 3 คนไทย แรงงาน ในเกาหลี

"เหตุสลด ย่างสด 3 คนงานไทยในเกาหลีใต้"



โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับแรงงานไทยในต่างแดนครั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 30 เม.ย.

ถึงการเปิดเผยของตำรวจเกาหลีใต้ว่า

ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ บ้านพักคนงาน ซึ่งดัดแปลงจากตู้คอนเทนเนอร์ เหตุเกิดในช่วงเช้าที่หมู่บ้านยางกู จังหวัดกังวอน ทางชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลา 50 นาที

ในการควบคุมเพลิง

จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิต 3 ราย ถูกไฟคลอกดำเป็นตอตะโก ทราบเบื้องต้นเป็นแรงงานชาวไทย ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้นั้น คาดว่ามาจากไฟฟ้าลัดวงจร

ต่อมาในวันเดียวกัน ที่กระทรวงการต่างประเทศ

นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวกรณี 3 แรงงานไทยที่ถูกไฟคลอกตายที่เกาหลีใต้ว่า ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล

ว่าเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้น

เมื่อกลางดึกวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่ที่พักคนงานย่านยางกู จังหวัดกังวอน บริเวณชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้ ห่างจากกรุงโซลประมาณ 200 กิโลเมตร หลังจากเพลิงสงบ



พบศพชายถูกไฟไหม้เกรียมในตู้คอนเทนเนอร์

ที่ดัดแปลงเป็นบ้านพัก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นแรงงานไทย เนื่องจากในที่พักดังกล่าวมีแรงงานไทยอยู่จำนวนมาก ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน

ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล

ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด สำหรับแรงงานไทยที่ทำงานในประเทศเกาหลีใต้มีประมาณ 29,000 คน เป็นแรงงานถูกกฎหมาย 24,000 คน ที่เหลือเป็นแรงงานที่ลักลอบเข้าทำงานด้านการเกษตรและโรงงานอย่างผิดกฎหมาย

นายธฤตกล่าวอีกว่า สำหรับชื่อแรงงานไทย 3 ราย

ที่เสียชีวิต ทราบว่า คือ นายวุฒิชัย สุขทวี ชาวชัยภูมิ นายประภาส พลอนันต์ ชาวชัยภูมิ และนายอิทธิพล เชื้อชัยนาถ จ.พิษณุโลก ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ติดต่อญาติผู้เสียชีวิตทั้งสามแล้ว

โดยญาติของนายวุฒิชัย และญาติของนายประพาส

มอบให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ดำเนินการเรื่องเผาศพ และนำอัฐิส่งกลับให้ญาติในประเทศไทยต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังติดต่อกับญาติของนายอิทธิพล

ด้านนายอภัย จันทนจุลกะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

กล่าวว่า ได้รับรายงานจากอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงานแล้ว กรณีแรงงานไทย 3 ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้บ้านพักคนงานที่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ ในประเทศเกาหลีใต้ เป็นแรงงานที่เข้าไปทำงานโดยผิดกฎหมาย



รับจ้างทำสวนผัก ทำให้น่าเสียดาย

เพราะทั้ง 3 ราย จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือตามกฎหมายจากบริษัทที่จ้างไป เพราะเป็นคนงานผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ได้ให้อัครราชทูตประสานกับบริษัทที่จ้างงานขอให้ช่วย เหลือจ่ายเงินชดเชยในแง่มนุษยธรรม รวมทั้งกระทรวง จะติดต่อญาติในประเทศเพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป

ขณะที่เจ้าหน้าที่กองคุ้มครองคนไทยในต่างแดน

กรมการกงสุล ผู้หนึ่งเปิดเผยถึงกรณีคนงานไทยทั้ง 3 ที่เสียชีวิตว่า การช่วยเหลือคงต้องรอให้ผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่เสร็จสิ้นเสียก่อน จากนั้นจึงติดต่อญาติพี่น้องว่าจะนำศพกลับอย่างไร

ถ้าทางญาติต้องการเพียงแค่อัฐิก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

แต่ถ้านำศพมาทำตามประเพณีที่ประเทศไทยก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในราคาที่สูงในการนำศพเข้ามา ส่วนเรื่องการช่วยเหลืออาจจะมีเงินช่วยเหลือของทางกระทรวงให้จำนวนหนึ่ง

ต่อมาในช่วงค่ำ ผู้สื่อข่าว จ.ชัยภูมิ

ได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 16 หมู่ 10 บ้านหัวสระ ต.หัวทะเล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ได้พบกับนางสำลี สุขทวี อายุ 47 ปี ภรรยาของนายวุฒิชัย สุขทวี 1 ใน 3 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ที่ประเทศเกาหลีใต้

กำลังนั่งร้องไห้อยู่ในบ้าน

โดยมีญาติๆคอยปลอบใจ ซึ่งนางสำลีเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ทราบข่าวเมื่อช่วงสายของวันที่ 30 เม.ย. โดยเจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดชัยภูมิเดินทางมาแจ้งเหตุร้ายถึงบ้าน ตนแต่งงานกับนายวุฒิชัย มีบุตรด้วยกัน 2 คน



นายวุฒิชัยเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้

ตั้งแต่ปี 2543 ผ่านบริษัทจัดหางานเถื่อนเสียเงินค่าเดินทางนับแสนบาท และช่วงแรกทำงานอยู่ในโรงทอผ้า แต่เนื่องจากเป็นแรงงานเถื่อน จึงถูกนายจ้างเอาเปรียบโกงค่าแรงเป็นประจำ ต้องย้ายงานไปเรื่อยๆ

จนกระทั่งเมื่อ 2 เดือนก่อน

จึงย้ายไปทำงานในสวนเกษตรที่เกิดเหตุ แลกกับค่าแรงวันละ 1,000 บาท ซึ่งได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะถูกโกงค่าแรงเช่นเคย สามีบ่นอยากจะกลับบ้านมานานแล้ว แต่ยังเก็บเงินไม่ได้มากพอค่าตั๋วเครื่องบิน

จึงต้องทนจำยอมทำงานต่อไป

ไม่คิดว่าจะมาเสียชีวิตแบบนี้ สำหรับศพของสามี อยากจะให้นำกลับมาเมืองไทย จะเผาเป็นเถ้าอัฐิแล้วก็ได้ เพราะฐานะยากจนคงไม่มีปัญญาเดินทางไปรับศพกลับมาเอง

ส่วนรายของนายประภาส พลอนันต์ อายุ 43 ปี

อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 7 บ้านหนองดง ต.หัวทะเล อ.บำเหน็จณรงค์ จากการสอบถามนางทัศวรรณ พลอนันต์ อายุ 35 ปี ภรรยา กล่าวทั้งน้ำตาว่า สามีเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ชุดเดียวกับนายวุฒิชัย

โดยกู้ยืมเงินมา 1.9 แสนบาท

เป็นค่านายหน้าให้กับบริษัทจัดหางานเถื่อนแห่งหนึ่ง แต่พอไปถึงกลับถูกโกงค่าแรงจนหมดตัว ต้องเร่ร่อนย้ายที่ทำงานไปเรื่อยๆ เพิ่งจะย้ายไปทำงานในสวนเกษตรที่เกิดเหตุได้เพียง 2 เดือนเช่นกัน



เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 29 เม.ย.

สามียังโทรศัพท์มาที่บ้าน คุยกับลูกสาวคนกลาง บอกว่าอยากจะกลับบ้านมาก ลูกสาวเองก็ทวงเงินค่าเทอมกับค่าเสื้อผ้าชุดนักเรียน แต่สามีบอกว่ายังไม่มีเงิน เพราะนายจ้างโกงค่าแรงยังไม่จ่ายให้

พูดกันได้ประมาณ 20 นาที ก็วางสายไป

ตอนนี้ยังสับสนไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตยังไง เพราะเงินที่กู้มาเป็นค่าเดินทางก็ยังใช้ไม่หมด ลูก 2 คนกำลังจะเปิดเทอม ยังไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย ส่วนลูกคนเล็กก็ป่วยเป็นเนื้องอกที่กระดูกสันหลัง

ทำให้พิการทางร่างกาย

อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือเรื่องการนำเถ้าอัฐิของสามีกลับมาบ้านเกิด และช่วยเหลือเรื่องครอบครัวด้วย เพราะฐานะยากจนมาก



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์