นศ.เกาหลีมือปืน ฆ่า 33 ศพ 40 นร.ไทยปลอดภัย

"ยิงโหดสังหารหมู่ 32 ศพกลางไฮสกูล"



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุมือปืนบุกสาดกระสุนสังหารนักศึกษาที่หอพักนักศึกษาและอาคารเรียนคณะวิศวกรรม

ในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค เมืองแบล็กสเบิร์ก รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 33 ราย รวมทั้งมือปืนที่ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองหนีความผิด และมีผู้ ได้รับบาดเจ็บ 15 คน ซึ่งมีทั้งถูกยิงและบาดเจ็บจากการกระโดดหน้าต่างอาคารหนีตาย

อันนับเป็นเหตุสังหารหมู่

ในรั้วสถานศึกษาที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และร้ายแรงกว่าเหตุสังหารหมู่ที่โรงเรียนไฮสกูลโคลัม-ไบน์ เมืองลิตเติลร็อก รัฐโคโลราโด เมื่อปี 2542

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 เม.ย. เวนเดล ฟลินชุม

หัวหน้าตำรวจประจำเวอร์จิเนีย เทค เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลัง เร่งสอบสวนหาหลักฐานว่าเหตุการณ์สลดทั้ง 2 ครั้ง เกี่ยว โยงกันหรือไม่ โดยยังไม่ตัดประเด็นผู้สมรู้ร่วมคิดหรือผู้ร่วมก่อเหตุออกไปซะทีเดียว

และว่าตำรวจได้สอบสวนชายคนหนึ่ง

ฐานะเป็นผู้น่าสงสัยในเหตุยิงนักศึกษาในหอพัก เนื่องจากรู้จักกับหนึ่งในเหยื่อ แต่ไม่ยอมให้ราย-ละเอียดเพิ่มเติม

เวนเดลเปิดเผยด้วยว่า กว่า 2 สัปดาห์

ที่ผ่านมามีการขู่จะระเบิดโจมตีมหาวิทยาลัยหลายครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ฟันธงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ และยังชี้ชัดไม่ได้ว่ามีคนร้ายคนเดียวหรือสองคน



การตรวจสอบวิถีกระสุนจะช่วยอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ส่วนตำรวจอีก นายหนึ่งเปิดเผยว่า มือปืนได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ด้วย การนำโซ่มาล่ามประตูกันเหยื่อหลบหนีจากอาคาร

ด้านรูปพรรณสัณฐานคนร้ายจากคำบอกเล่าของนักศึกษา

มีลักษณะคล้ายชาวเอเชีย สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล และสวมเสื้อกั๊กทหารสีดำทับอีกชั้น แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ ยอมเปิดเผยชื่อและอายุ รวมทั้งเหตุจูงใจในการก่อเหตุ ของคนร้าย

อย่างไรก็ดี นสพ.ชิคาโก ซันไทม์ส

กลับรายงานข่าวโดยระบุว่าเป็นการเปิดเผยของตำรวจว่าคน ร้ายเป็นนักศึกษาชาวจีน วัย 24 ปี ที่เดินทางมาสหรัฐฯ เมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว โดยถือวีซ่าที่ออกในนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน

ทั้งนี้ การสอบสวนคดีช็อกคนอเมริกันในครั้งนี้M

นายริชาร์ด โกลโก โฆษกหน่วยสืบสวนสอบสวนกลาง หรือเอฟบีไอระบุว่า ตำรวจท้องที่และตำรวจของรัฐเวอร์จิเนียจะเป็นผู้ดำเนินการสอบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคอยให้การช่วยเหลือเท่านั้น

เพราะขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้เป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย

แต่เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างเร่งสืบสวนว่าเหตุไล่ยิงผู้คนภายในหอพักนักศึกษากับเหตุไล่ยิงผู้คนภายในอาคารเรียนคณะวิศวกรรมเกิดจากฝีมือมือปืนรายเดียวกันหรือไม่



ส่วนประเด็นเรื่องอาวุธที่ใช้ก่อเหตุนั้น

นางเชรี มิกเซล โฆษกสำนักงานแอลกอฮอล์ บุหรี่ อาวุธปืนและวัตถุระเบิดของสหรัฐฯ กล่าวว่า มีอาวุธปืนอย่างน้อยหนึ่งกระบอก ถูกส่งไปตรวจสอบที่ห้องแล็บในเมืองอันนันเดล แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นปืนชนิดอะไร

หรือมือปืนเป็นนักศึกษาหรือไม่

แต่ในเวลาต่อมาสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดฝ่ายสืบสวนระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธปืนขนาด .22 และขนาด 9 มม. ในที่เกิดเหตุ

ซึ่งน่าจะเป็นอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ

ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานคนร้ายใช้อาวุธปืนพกสองกระบอก พร้อมแมกกาซีนบรรจุกระสุนปืนอีกหลายอันในการก่อเหตุ

ด้านบรรดาญาติและเพื่อนๆ ผู้เสียชีวิต

ต่างแสดงความโกรธเกรี้ยว และต้องการที่จะทราบว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่จึงไม่สั่งปิดมหาวิทยาลัย หลังเกิดเหตุยิงกันครั้งแรกในหอพัก มีเพียงการแจ้งเตือนทางอีเมล์เท่านั้น และไม่มีรายละเอียดอะไรมากนัก ทั้งที่เหตุสยองนี้เกิดขึ้นหลังเหตุยิงกันนานกว่าสองชั่วโมง

แต่นายชาร์ลส สเตจเจอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค

ออกมากล่าวในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุยิงกันที่หอพักเกิดจากการวิวาทกันภายใน และคิดว่ามือปืนหลบหนีไปแล้ว แต่เน้นย้ำว่าหลังเกิด เหตุครั้งแรกได้มีการปิดหอพัก



แจ้งเตือนเหตุร้ายทางอีเมล์ รวมทั้งโทร.แจ้ง

ผู้ดูแลหอพักให้ส่งคนไปล็อกประตู เตือนนักศึกษาให้อยู่ภายในห้องและอยู่ห่างจากหน้าต่างแล้ว ยืนยันทำไปตามข้อมูลที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น

ขณะที่ นายทิโมธี เอ็ม. เคน ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย

ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนญี่ปุ่นในช่วงเวลาที่เกิดเหตุร้ายรีบเดินทางกลับสหรัฐฯทันที พร้อมระบุว่ายังเร็วเกินไปที่จะสรุปถึงสาเหตุโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น แต่ถือว่าเป็นวันเลวร้ายสำหรับชาวเมืองรัฐเวอร์จิเนีย

ด้านประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู.บุช

กล่าวถึงเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวกราดยิงผู้คนภายในมหาวิทยาลัยรัฐเวอร์จิเนีย ว่าเป็นเหตุฆาตกรรมหมู่ภายในสถานศึกษาครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งกระทบถึงความรู้สึกของนักเรียนนักศึกษาทั่วประเทศ

ระบุสถานศึกษาควรเป็นสถานที่ปลอดภัย

และเป็นแหล่งใฝ่หาความรู้ เมื่อสถานศึกษาถูกละเมิดผิดไปจากวัตถุประสงค์ จึงกระทบถึงความรู้สึกของนักเรียนนักศึกษา ตลอดจนชุมชนชาวอเมริกันทั้งชาติ

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 32 รายนั้น

ปรากฏว่ามีอาจารย์ มหาวิทยาลัยฯ รวมอยู่ด้วย 2 คน คือ นายจี.วี. โลคานาธาน อาจารย์ฝ่ายวิศวกรรมพลเรือนและสิ่งแวดล้อม ชาวอินเดีย วัย 51 ปี และนายลีเวีย ลิเบรสคู



อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์วิศวกรรมและคณิตศาสตร์

ชาวอิสราเอล ที่เกิดในโรมาเนีย วัย 75 ปี นอกจากนี้ ยังมีนายไรอัน คลาร์ก นักศึกษาเรียนเก่งจากรัฐจอร์เจีย เจ้าของเกรดเฉลี่ย 4.0 รวมอยู่ด้วย ซึ่งหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สั่งปิดทางเข้ามหาวิทยาลัยฯ ทั้งหมด และปิดการเรียนการสอนตลอดวัน

มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ก่อตั้งเมื่อปี 2415 (1872)

และตั้งอยู่กลางดริล ฟิลด์ สนามฝึกนักเรียนนายร้อยทหาร เป็นมหาวิทยาลัยที่โด่งดังที่สุดของสหรัฐฯ ในด้านวิศวกรรม มีนักศึกษาอยู่ราว 25,000 คน รวมทั้งนักศึกษาจากเอเชียหลายร้อยคน

ทั้งชาวจีน เกาหลี ญี่ปุ่นและไทย

เฉพาะนักศึกษาเชื้อสายเกาหลีมีอยู่ราว 460 คน จีน 400-500 คน ญี่ปุ่น 21 คน ไทย 40 คน และอาจารย์ไทยอีก 1 คน

อย่างไรก็ดี เหตุเศร้าสลดดังกล่าว

ก่อให้เกิดคำถามตามมาเกี่ยวกับข้อบังคับด้านอาวุธปืนในสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่เห็นว่าหละหลวมเกินไป รวมถึงสื่ออย่าง นสพ.นิวยอร์ก ไทม์ส ที่รายงานเหตุครั้งนี้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุน่าสะพรึงกลัวที่เกิดจากคนร้ายใกล้ตัวใช้อาวุธปืน

ซึ่งหาได้ง่ายเหลือเกินมาก่อเหตุ และรายงานด้วยว่า

รัฐ เวอร์จิเนียมีกฎข้อบังคับการซื้อปืนที่หละหลวม ขณะที่ข้อกำหนดคุณสมบัติเพื่อออกใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืนก็ไม่เข้มงวด ส่วน นสพ.แท็บลอยด์ รายวัน นิวยอร์ก โพสต์



พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่าเหตุการยิงนักศึกษาครั้งร้ายแรงนี้

เป็น ฆาตกรรมหมู่ นสพ. วอชิงตัน โพสต์ ก็ระบุเป็นเหตุฆ่าหมู่พลเรือนที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติ-ศาสตร์ชนชาติอเมริกัน

ทั้งนี้ เหตุคนร้ายบุกยิงผู้คนภายในสถานศึกษา

ของสหรัฐฯครั้งนี้ ถือว่ารุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แซงหน้าเหตุนักเรียน 2 คน บุกยิงเพื่อนนักเรียนและครูโรงเรียนมัธยมโคลัมไบน์เมื่อ 20 เม.ย. ปี 2542 คร่าชีวิตนักเรียน 12 คน ครู 1 คน

ก่อนนักเรียนผู้ก่อเหตุยิงตัวตายหนีความผิดทั้งคู่

ส่วนเหตุคนร้ายกราดยิงฆ่าหมู่ภายในสถานศึกษาครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ ยุคใหม่สหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ก็เมื่อปี 2509 ที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส เมืองออสติน รัฐเท็กซัส นายชาร์ลส วิตแมน มือปืนปีนขึ้นหอนาฬิกา

ก่อนสาดกระสุนสังหารหมู่นักศึกษา 16 คน

ก่อนปลิดชีพตัวเอง นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุคนร้ายจุดระเบิดในโรงเรียนเมืองบาธ รัฐมิชิแกน เมื่อปี 2470 เด็กนักเรียนสังเวยชีวิต 38 คน ครู 7 คน มีผู้บาดเจ็บอีก 61 คน

สำหรับปฏิกิริยาจากนานาชาติเกี่ยวกับเรื่องนี้

ปรากฏว่าส่วนใหญ่มาจากประเทศที่โดนหางเลขอย่างจีน โดยนายหลิว เจียงจ้าว โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ออกมาแถลงว่า นายหลี เจ้าซิง รมว.ต่างประเทศจีน ได้ส่งโทรเลขถึง น.ส.คอนโดลีซซา ไรซ์ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ



แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

และยังไม่ สามารถยืนยันว่ามือปืนจะเป็นนักศึกษาชาวจีน ตามที่ นสพ.ชิคาโก ซัน-ไทม์ส รายงานหรือไม่

ส่วนสำนักพระราชวังบั๊กกิ้งแฮมแห่งอังกฤษ

ออกแถลงการณ์ว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงตกพระทัยอย่างยิ่งต่อข่าวร้ายที่เกิดขึ้นในรัฐเวอร์จิเนีย เนื่องจากพระองค์ทรงมีหมายกำหนดการเสด็จเยือนรัฐเวอร์จิเนีย ระหว่างวันที่ 3-4 พ.ค.นี้ เพื่อร่วมงานรำลึก 400 ปี

การจัดตั้งเมืองเจมส์ทาวน์ ถิ่นฐานถาวรของชาวอังกฤษ

แห่งแรกบนดินแดนอเมริกา ซึ่งถือเป็นการเสด็จเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบ 16 ปี ขณะเดียวกัน หลายประเทศ รวมทั้งอิหร่านต่างส่งสารแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯครั้งนี้ด้วย

ขณะที่นายกรัฐมนตรีจอห์น โฮเวิร์ด แห่งออสเตรเลีย

กล่าวถึงโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในรัฐเวอร์จิเนียเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคมอเมริกันว่า กลายเป็นวัฒนธรรมการใช้อาวุธปืนตัดสินปัญหาไปแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างยิ่ง ดังนั้น

กฎหมายควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวด

ต้องถูกหยิบยกขึ้นมาหารือกันอย่างจริงจังทั้งในสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และอีกหลายประเทศในโลก รวมถึงกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในสถานศึกษาให้เข้มงวดยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันมิให้



เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศแถบเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ ซึ่งกฎหมายควบคุมอาวุธหละหลวมเหมือนในสหรัฐฯ ถึงขนาดฟิลิปปินส์ถูกขนานนาม แดนเถื่อนแห่งเอเชีย--The Wild West of Asia

ต่อมาสำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์

ต่างรายงานอ้างคำกล่าวนายชาร์ลส์ สเตจเจอร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค ให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าวเอบีซีและสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นระบุว่า มือปืนผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาชาวเอเชียของมหาวิทยาลัย

และพักอยู่ในหอพักนักศึกษาด้วย

แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อคนร้าย นายสเตจจอร์ระบุด้วยว่าอาจมีมือปืนคนที่สองร่วมก่อเหตุด้วย โดยเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนความเป็นไปได้กรณีดังกล่าวนี้อยู่

นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน นายธฤต จรุงวัฒน์

อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงถึงกรณีเกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยวใช้ปืนกราดยิงนักศึกษามหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียเทค ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้เสียชีวิต 33 คนว่า

จากการตรวจสอบนักเรียนนักศึกษาไทย

ที่อยู่ในเมืองดังกล่าวพบว่าทุกคนปลอดภัยดี ไม่มีนักศึกษาไทยได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ มีนักศึกษาไทยอยู่ในสถาบันดังกล่าวประมาณ 40 คน เป็นนักเรียนทุน 10 คน แต่ต้องยอมรับว่าทุกคน



รวมทั้งสถานทูตที่ดูแลนักเรียนค่อนข้างตกใจ

กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนการแจ้งเตือนคนไทยนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ ที่ไม่คาดคิด ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศได้ย้ำตลอดว่าเวลาเดินทางไปต่างประเทศ

ขอให้มีการแจ้งกับสถานทูตไทยในประเทศนั้นๆ

เพื่อป้องกันกรณีฉุกเฉินที่ญาติอยากจะติดต่อ ทางสถานทูตจะได้เป็นศูนย์กลางให้

ด้านสถานีข่าวเอบีซี นิวส์

รายงานในเวลาต่อมาว่า มือปืนผู้ก่อเหตุ เป็นนักศึกษาเอกภาษาอังกฤษปีสุดท้าย ชาวเกาหลีใต้ ชื่อโช ซง ฮุย วัย 23 ปี และพักอยู่ในหอพักที่เกิดเหตุครั้งแรกด้วย สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 2 เหตุการณ์

เจ้าหน้าที่พบว่าเป็นกระบอกเดียวกัน

แสดงให้เห็นว่าฆาตกรมีคนเดียว ขณะที่ทางมหาวิทยาลัย ได้สั่งยกเลิกการเรียนการสอนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ขณะที่ศพเหยื่อที่ถูกยิงตาย ถูกพบนอนกระจัดกระจายอยู่ตามห้องเรียน 4 ห้อง รวมทั้งตามขั้นบันได



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์