ธาริตระบุเฉลิมเนรเทศสาธิต เซกัลเพราะทำผิดกม.จริง

ธาริตระบุเฉลิมเนรเทศสาธิต เซกัลเพราะทำผิดกม.จริง

 10 มี.ค.57 นายธาริต  เพ็งดิษฐ์ กรรมการศรส.เเถลงข่าวว่า มีผลการประชุมสมควรแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้

1.ตามที่ผู้อำนวยการ ศรส. ได้มีหนังสือถึงพนักงานอัยการเพื่อให้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งในคดีที่ นายถาวร เสนเนียม เป็นโจทก์
ฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร จำเลยที่ 1 กับพวก โดยให้ข้อบังคับตามประกาศและข้อกำหนดไม่มีผลบังคับต่อโจทก์และประชาชน และห้ามจำเลยกระทำการรวม 9 ข้อ ดังเป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วนั้น ในวันนี้ พนักงานอัยการที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา พร้อมคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลแพ่งตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว เพื่อยืนยันถึงอำนาจหน้าที่และดุลยพินิจของฝ่ายบริหารในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ โดยจะได้นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหลายทั้งปวงที่แกนนำกปปส.ได้ร่วมกันกระทำความผิดอย่างต่อเนื่องติดต่อกันตลอดมา ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่า กปปส.มิได้ชุมนุมโดยสงบ เปิดเผย และปราศจากอาวุธ รวมถึงที่ศาลอาญาได้ออกหมายจับข้อหากบฏต่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯกปปส.กับพวกด้วย 

2.ศรส.ได้รับแจ้งว่า นายระวี มาศฉมาดล กับพวก ซึ่งเป็นผู้ต้องหามีหมายจับในคดีฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ที่ได้กระทำการปิดล้อมบุกรุกกระทรวงพลังงานอยู่เป็นเวลานาน และจากปฏิบัติการเพื่อเปิดสถานที่ราชการของ ศรส.ก็สามารถจับกุมนายระวี กับพวกไว้ได้ แต่ต่อมาศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวไป โดยมีเงื่อนไขห้ามไปยุยง ปลุกปั่น หรือกระทำการใดๆ ที่มีลักษณะก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง หรือก่อเหตุอันตรายประการอื่น ต่อมาปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2557 นายระวี กับพวก ได้กระทำการปลุกปั่น นำกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมอาคารสำนักงานใหญ่ Enco ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต จนได้รับความเสียหาย และ Enco ได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้ดำเนินคดีแล้ว  ซึ่งจากพฤติกรรมของนายระวี ที่ได้กระทำการดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนคำสั่งของศาลอย่างชัดแจ้ง  โดย ศรส.ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการยื่นคำร้องขอถอนการประกันตัวโดยเร่งด่วนในช่วงบ่ายของวันนี้

3.ศรส.ได้รับรายงานว่า จากการที่ผู้อำนวยการ ศรส. ลงนามเห็นชอบการเพิกถอนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรของนายสาธิต เซกัล เป็นเหตุให้นายถาวร ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งขอให้จับกุมหรือคุมขังนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการ ศรส.และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากกระทำการฝ่าฝืนคำพิพากษาและคำบังคับของศาลแพ่ง คดีหมายเลขแดงที่ 544/2557 นั้น ผู้อำนวยการ ศรส.ขอเรียนชี้แจงว่า ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง ซึ่งเป็นคณะกรรมการตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองเป็นการเฉพาะ โดยมิได้พิจารณาตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ มาตรา 11 ประกอบกับประกาศตามมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ข้อ 8  ด้วยแต่อย่างใด  ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสาธิต กระทำผิดกฎหมายจริง โดยคณะกรรมการฯ มีมติเห็นควรเพิกถอนการอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรของนายสาธิต ตามมาตรา 53  ประกอบกับมาตรา 12(7) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522   

ส่วนการที่ผู้อำนวยการ ศรส.เป็นผู้ลงนาม ก็เนื่องจากมีประกาศเรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี

ลงวันที่ 23 มกราคม 2557 ออกตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ซึ่งประกาศดังกล่าวมิได้สิ้นผล ไปตามคำพิพากษาของศาลแพ่งด้วย โดยประกาศดังกล่าวกำหนดให้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง โอนมาเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีก็ได้มอบหมายการใช้อำนาจนี้ให้กับผู้อำนวยการ ศรส.ในฐานะที่เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง  ดังนั้น ผู้อำนวยการ ศรส.จึงต้องเป็นผู้ลงนามเห็นชอบในการเพิกถอนดังกล่าว ซึ่ง ศรส.ขอยืนยันว่า การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ  ทั้งนี้ ผู้อำนวยการ ศรส.จะได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการแก้ต่างคดีโดยเร็วต่อไป

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์