คพ.เตือนคนซื้อขายปิ้งย่าง ระวังสารอินทรีย์ระเหยง่าย

นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากคำถามของประชาชนที่ตั้งข้อสังเกตควันจากเตาปิ้งย่าง ในแผงลอยขายอาหารตามท้องถนนทั่วไป จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบมลพิษจากควันที่ออกมาจากการปิ้ง ย่าง อาหาร โดยเก็บข้อมูลจากร้านขายหมูย่าง ไก่ย่าง ลูกชิ้นปิ้ง ปลาย่าง ฯลฯ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและ จ.สมุทรปราการ โดยใช้เครื่องมือวัดอินทรีย์ระเหยง่ายแบบพกพา (PID) เข้าตรวจสอบ โดยการการตรวจสอบ พบว่า เมื่อมีการปิ้ง ย่างอาหาร ซึ่งตอนแรกอาหารจะดิบ เมื่อสัมผัสกับความร้อน ก็จะมีน้ำมันตกลงไปในเตา ซึ่งมีถ่านติดไฟอยู่ เมื่อน้ำมันหยดลงไปโดนถ่านสีแดงๆ ก็จะเกิดควันสีขาวลอยขึ้นมา เครื่องพีไอดีที่นำไปตรวจวัดระบุว่า ควันสีขาวที่ลอยขึ้นมา คือ กลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่าย (Total Volatile Organic Compounds TVOCs) ซึ่งวัดค่าได้ ในช่วง 168-411 พีพีเอ็ม

"ถึงแม้ผลที่พบจากควันปิ้งๆ ย่างๆ จะไม่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับควันธูป ที่ตรวจพบ 4,100 พีพีเอ็ม หรือควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ตรวจพบมากกว่า 10,000 พีพีเอ็ม แต่ประชาชนทั่วไป ผู้พ่อค้า แม่ค้า ที่ประกอบอาชีพปิ้งย่าง ไม่ควรมองข้าม ควรระมัดระวังผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เพราะสถาบันวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า ในสภาะปกติหากเราได้สัมผัสกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่ายสูงกว่า 25 พีพีเอ็ม อาจส่งผลกระทบต่อการระคายเคืองทางเดินหายใจ จมูก คอ ตาแห้ง และถ้าได้รับสารในระยะยาวจะมีผลถึงขั้นเป็นมะเร็งได้" นายวิเชียรกล่าว และว่า เบื้องต้นจึงขอแนะนำสำหรับพ่อค้า แม่ค้า ขายของปิ้งย่าง ควรขายในที่ที่มีอากาศถ่ายเท และควรใส่หน้ากาก ป้องกันควัน หรือกลุ่มสารอินทรีย์ระเหยง่ายเข้าจมูก รวมทั้งผู้ซื้อก็ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีควันขาวลอยขึ้นบริเวณแผงค้า เพื่อป้องกันสารอินทรีย์ระเหยง่ายเข้าสู่ร่างกาย