แจงเส้นทางลอบส่ง นอแรด ข้ามประเทศ

จากกรณีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรสามารถตรวจยึดกระเป๋าเดินทาง จำนวน 1 ใบ
 
ติดบัตรผูกกระเป๋า (Tag) ของสายการบินเคนยาแอร์เวย์ระบุชื่อเป็นของนาย เหงียน แวน ตา ภายในบรรจุนอแรดลักลอบนำเข้าจำนวน 9ชิ้น น้ำหนัก 21.80 ก.ก. มูลค่ากว่า 21 ล้านบาท โดยจับกุมได้ขณะลำเลียงมาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อเวลา 18.10 น. ของวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมาตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ม.ค. นายไพศาล ชื่นจิตร รองอธิบดีกรมศุลกากร
 
เปิดเผยว่าเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่านอแรดที่ทางศุลกากรยึดได้มีต้นทางมาจากประเทศโมซัมบิกไปท่าอากาศยานกรุงไนโรบีประเทศเคนยาแล้วจะไปเปลี่ยนเครื่องบินที่เมืองโดฮาประเทศกาตาร์ ปลายทางประเทศเวียดนามแต่กระเป๋าใบดังกล่าวได้ตกค้างอยู่ที่ท่าอากาศกรุงไนโรบีในขณะที่เจ้าของกระเป๋าไปถึงปลายทางแล้ว จึงโทรศัพท์ขอให้สายการบินส่งกระเป๋าคืนมายังประเทศเวียดนามโดยใช้เส้นทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อความรวดเร็ว แต่มาถูกจับกุมได้ก่อน

ทั้งนี้ในทางสืบสวนเชื่อว่าการจับกุมครั้งนี้น่าจะส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าซากสัตว์ป่า อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติจากแท็กที่ติดบัตรผูกกระเป๋าระบุชื่อ “เหงียน แวน ตา” พบว่า ไม่มีประวัติเดินทางเข้าออกประเทศไทย โดยขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เพื่อความเข้มงวดในการตรวจสิ่งของต้องห้ามแล้ว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ขบวนการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคน 3 สัญชาติตามที่เคยมีการปรากฏ

เมื่อครั้งที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรจับกุมจนนำไปสู่การขยายผลการจับกุมตำรวจสามนายที่ขนนอแรดเมื่อต้นปีที่2556 หรือไม่ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ในส่วนของขบวนการค้านอแรดนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าของกลางที่ตรวจพบนั้นเป็น“ใบสั่ง” ของนางดอยหรือดายจันทร์วงศา หรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูล แต่เชื่อว่ามีคนเวียดนามเกี่ยวข้องโดยนอแรดนั้นเป็นที่ต้องการของกลุ่มที่มีความเชื่อว่าใช้เป็นยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและรักษาโรคมะเร็งได้ ซึ่งคนจีนมาความเชื่อเรื่องนี้นิยมบริโภคและมีกำลังซื้อสูง

รายงานฝ่ายสืบสวนระบุว่าขบวนการดังกล่าวนั้นได้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านอีกครั้ง หลังจากกระแสการขนย้ายนอแรดได้เงียบหายไปโดยขบวนการดังกล่าวมีกลุ่มคน 3 สัญชาติเกี่ยวข้องซึ่งมีนางดาย หรือนางดอยจันทร์วงศา และนาย มา(ไม่ทราบสกุล) เป็นหัวหน้าขบวนการ