ร้อนจัดเสี่ยงโรคลมแดด เด็ก-ผู้สูงอายุอันตรายที่สุด

นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าววันนี้ (4 เม.ย.) ว่า

สภาพอากาศในประเทศไทย

ขณะนี้ร้อนจัดกว่าทุกปี มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหลายโรค กระทรวงสาธารณสุขเน้นขณะนี้ คือ โรคในระบบทางเดินอาหาร ที่เกิดบ่อยที่สุด แต่โรคที่มีการพูดถึงกันน้อยมากคือ โรคลมแดด

เกิดในช่วงที่สภาพอากาศร้อนจัด

ในต่างประเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประชาชนเสียชีวิตจากสาเหตุนี้ปีละประมาณ 371 คน ในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานใครเสียชีวิต ทางการแพทย์เรียกว่า ฮีทสโตรก (Heat stroke) เป็นภาวะวิกฤติของร่างกาย จะไม่สามารถควบคุมความร้อนได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

กล่าวว่า โรคลมแดดนี้ เป็นอาการที่เกิดจากการได้รับความร้อนมากเกิน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังหรือเล่นกีฬาในภาวะอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง

อาการสำคัญ ได้แก่

ตัวร้อนจัด เพ้อ หรือหมดสติ ชีพจรเต้นเร็ว ความดันเลือดลดลง ช็อก ผิวหนังแห้งและร้อน ระดับความรู้สึกตัวลดลง การทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว กระสับกระส่าย เอะอะ ก้าวร้าว หมดสติ เกร็ง ชัก

โดยกลไกการทำงานของร่างกาย

หลังจากที่ได้รับความร้อน จะมีการปรับตัวโดยส่งน้ำหรือเลือดไปเลี้ยงอวัยวะภายใน เช่น สมอง ตับ และกล้ามเนื้อ เป็นต้น ทำให้ผิวหนังขาดเลือดและน้ำไปหล่อเลี้ยง

จึงไม่สามารถระบายความร้อน

ออกจากร่างกายได้ ทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ตัวร้อนจัดขึ้นเรื่อยๆ เกิน 40 องศาเซลเซียส ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องให้การรักษาอย่างรีบด่วน เนื่องจากมีโอกาสเสียชีวิตร้อยละ 17-70

นพ.มงคล กล่าวต่อ

ถึงการช่วยเหลือผู้ที่มีอาการเป็นลมแดด ว่า ให้นำผู้ป่วยนอนราบ ยกเท้าสูงทั้งสองข้าง เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ถอดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ เชิงกราน ศีรษะ

ร่วมกับการใช้พัดลม

ช่วยเป่าระบายความร้อน หรือเทน้ำเย็นราดลงบนตัวเลย เพื่อลดอุณหภูมิของร่างกายให้ต่ำลง และรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ในรายที่อาการยังไม่มาก ควรให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ

ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่

เด็ก ผู้สูงอายุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว ผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง ที่ต้องกินยาควบคุมความดัน เช่น ยาขับปัสสาวะ

ที่มีผลขับสารโซเดียมออกจากร่างกาย

ทำให้มีโอกาสเกิดความผิดปกติของระดับเกลือแร่ได้เร็วกว่าผู้อื่น รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือผู้ที่อดนอน เนื่องจากจะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อความร้อนที่ได้รับช้ากว่าปกติ

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ