โพล ชี้ เศรษฐกิจไทย 3-6 เดือน สดใส ! แต่ระวังปัจจัยเสี่ยง 6 เรื่อง !!!

โพล ชี้ เศรษฐกิจไทย 3-6 เดือน สดใส ! แต่ระวังปัจจัยเสี่ยง 6 เรื่อง !!!

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 29 แห่ง จำนวน 60 คน
 
เรื่อง “ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยใน 3-6 เดือนข้างหน้า” โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 18–25 ม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า

 ดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อสถานะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 56.75 เพิ่มขึ้น 11.57 จุด และเป็นระดับที่สูงกว่า 50 เป็นครั้งแรกนับจากการสำรวจในเดือนมกราคม ปี 2555 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจไทยอยู่ในสถานะแข็งแกร่งจากปี 2555 ที่เศรษฐกิจอยู่ในสถานะอ่อนแออย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี  โดยสถานะเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้รับผลดีในหลายปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวจากต่างประเทศและการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ  ส่วนปัจจัยการส่งออกสินค้าเป็นปัจจัยเดียวที่ยังอยู่ในสถานะที่อ่อนแอ   
 
 สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นนักเศรษฐศาสตร์ต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 เดือนข้างหน้า
 
พบว่าค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ  อยู่ในระดับ 59.94  และเมื่อมองออกไปในอีก 6 เดือนข้างหน้า  ค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ อยู่ในระดับ 63.82  หมายความว่า นักเศรษฐศาสตร์มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในอีก 3-6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน  โดยมีการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศเป็นปัจจัยขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ  
 
 

ทั้งนี้ การที่ค่าดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้าอยู่ในระดับที่สูงกว่า 50 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยที่สดใส 

สำหรับประเด็นเศรษฐกิจใน 3-6 เดือนข้างหน้าที่นักเศรษฐศาสตร์เป็นห่วงมากที่สุด และอยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดูแลเป็นพิเศษ มีดังนี้

1. ประเด็นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทที่จะส่งผลให้ต้นทุนการประกอบการเพิ่มสูงขึ้น และกระทบกับธุรกิจ SMEs โดยตรงและอาจส่งผลให้เกิดปัญหาการว่างงานในอนาคตได้ (ร้อยละ 33.9)

2. การใช้จ่ายเงินในโครงการประชานิยมต่างๆ (โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว) อาจนำมาซึ่งปัญหาหนี้สาธารณะในอนาคต (ร้อยละ 19.6)
 

3. ปํญหาค่าเงินบาทผันผวนจนอาจส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก (ร้อยละ 10.7)

4. ปัญหาราคาสินค้า  ค่าครองชีพ  หรืออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น (ร้อยละ 10.7)
 

5. ปัญหาหนี้ส่วนบุคคลและหนี้ของครัวเรือนที่เริ่มเห็นสัญญาณของปัญหา (ร้อยละ 10.7)
 

6. ปัญหาอื่นๆ เช่น  การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเบิกจ่ายงบประมาณ  เศรษฐกิจโลก  ปัญหาการเมือง  เป็นต้น


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์