กู้ไปเรื่อยๆเหนื่อยก็เจ๊ง

กู้ไปเรื่อยๆเหนื่อยก็เจ๊ง


         เงินตราเป็นสิ่งที่มนุษย์กำหนดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเทียบมูลค่าของสินค้าและสิ่งของต่างๆ แต่ทำไปทำมาเงินตราที่มนุษย์เป็นผู้ให้กำเนิดกลับเป็นสิ่งของที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์ทั้งโลกมากที่สุด มนุษย์ทุกชาติทุกภาษาต่างไขว่คว้าพยายามหาเงินตรามาไว้ให้มากที่สุด แม้จะเป็นเงินตราต่างชาติต่างสกุลกัน ก็พยายามสร้างอัตราแลกเปลี่ยนเทียบเคียงให้มีมูลค่าวัดกันได้

        ถ้าหากมนุษย์ทั้งหลายจะสะสมหรือพยายามใช้เงินตราที่หามาได้อยู่ในมือแล้วเท่านั้น โลกนี้ก็คงจะมีความสงบสุขเกิดขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยว่าโลกทุกวันนี้มนุษย์ทุกชาติทุกเผ่าพันธุ์ต่างล้วนใช้เงินตราที่คิดว่าจะหามาได้ในอนาคตกันเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการใช้เงินในอนาคตดังกล่าวเกิดขึ้นในรูปแบบของการซื้อขายเงินผ่อน, การกู้เงินในรูปแบบต่างๆ ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย

          ทุกวันนี้หันหน้าไปทางไหนก็เห็นแต่โฆษณาเชิญชวนให้ใช้เงินในอนาคตหรือเงินกู้ทุกรูปแบบ ที่ถูกกฎหมายก็เช่น การให้กู้ซื้อรถซื้อบ้านจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยเสนอดอกเบี้ยที่ดูเหมือนถูกยิ่งกว่าได้เปล่าให้ แถมเมื่อซื้อรถซื้อบ้านไปแล้ว ยังมีภาระต้องผ่อนชำระอยู่ ก็ยังมีโฆษณาเชิญชวนให้เอารถเอาบ้านที่ติดภาระการจำนองนั้นๆ ไปเปลี่ยนเพิ่มเอาเงินออกมาใช้อย่างอื่นได้อีก หรือแม้แต่สินค้าหลายชนิดเช่น รถจักรยานยนต์ ที่สามารถซื้อในระบบเงินผ่อนได้โดยที่ไม่ต้องมีเงินวางดาวน์ หรือไม่ต้องมีคนค้ำประกัน

          ส่วนที่ผิดกฎหมายก็คือ การปล่อยกู้ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้กู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์หรือบุคคลมาค้ำประกัน และแม้ว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็มีการโฆษณากันอย่างโจ๋งครึ่ม ทั้งตามสื่อมาตรฐานและด้วยใบปลิวติดตามเสาไฟฟ้า, สะพานลอย และตู้โทรศัพท์สาธารณะทั่วไป

          การกู้ในรูปแบบต่างๆ เหล่านั้น หากเป็นการกู้เพื่อเอาเงินมาเป็นทุนทางธุรกิจที่สามารถหารายได้มาจ่ายหนี้เงินกู้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรกังวลมากนัก แต่ส่วนใหญ่ของสังคมไทยทุกวันนี้ มักจะเป็นการกู้เพื่อเอาเงินไปใช้เพื่อหาความสะดวกสบายให้ชีวิตของผู้กู้ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการกู้เอาเงินไปใช้ในทางที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้มาชดใช้หนี้เงินกู้นั่นเอง การกู้ลักษณะนี้จึงตั้งอยู่บนความเสี่ยงของโครงสร้างเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

          แต่หากมีใครสักคนหนึ่งพยายามสร้างมาตรการป้องกัน ไม่ให้ให้เกิดการกู้เงินในรูปแบบต่างๆ ได้ง่าย ก็จะถูกนักทฤษฎีแย้งที่ว่าจะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลร้ายไปสู่ภาคการผลิตและการจ้างแรงงาน ซึ่งเท่ากับว่ากำลังมีการอ้างทฤษฎีจากบนลงล่างนั่นเอง โดยไม่คำนึงถึงทฤษฎีแห่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ในลักษณะที่มีความมั่นคงจากประชาชนพื้นล่างขึ้นไปสู่เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเปรียบได้กับการสอนให้ประชาชนรู้อยู่รู้กินอย่างพอเพียงนั่นเอง

          ยิ่งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งต้องการเอาใจฐานเสียงของตนเอง ด้วยการออกมาตรการประชานิยมในหลากหลายลักษณะ ถึงขั้นที่ออกเงินใช้หนี้ประชาชนที่ไม่มีปัญญาชำระหนี้ที่ตัวเองก่อขึ้นมา หรือพักการชำระดอกเบี้ยและหนี้ให้แก่ประชาชนที่เป็นฐานเสียง ก็ยิ่งเท่ากับว่า รัฐบาลกำลังสอนให้ประชาชนไม่รู้จักวินัยทางการเงิน ไม่รู้จักประมาณตนในการใช้จ่าย

          เป็นหนี้ขึ้นมาก็ให้รัฐบาลช่วย ที่เป็นหนี้นอกระบบก็ให้รัฐไปจับกุมเจ้าหนี้ โดยไม่ย้อนคิดว่า ตอนที่ตนเองไปกู้นั้น ก็รับรู้กติกาของเจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนที่เป็นหนี้ในระบบก็ให้รัฐรับภาระหนี้แทนตน ซึ่งหากปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ อีกไม่นานปีประเทศไทยก็ต้องล้มละลายอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอนครับ

           


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์