กรุงเทพหนุนใช้หยวนลดต้นทุนค้าไทย-จีน

กรุงเทพหนุนใช้หยวนลดต้นทุนค้าไทย-จีน

ธนาคารกรุงเทพ จัดสัมมนา "The Age of the Redback How to Save Millions by RMB Settlement" เพื่อให้ข้อมูลการทำการค้าระหว่างไทยกับจีนโดยใช้สกุลเงินหยวน เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าที่ทำการค้าระหว่างไทย-จีน มีการใช้เงินหยวนใน การค้ามากขึ้น


ก่อนหน้านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ลงนามร่วมกับธนาคารกลางประเทศจีน ในการแต่งตั้งธนาคารไอซีบีซี (ไทย) ให้เป็นธนาคารชำระดุลเงินหยวนในไทย
เพื่อเพิ่มช่องทางชำระดุลเงินหยวนในไทย และเพิ่มสภาพคล่องเงินหยวนในตลาดเงิน รองรับการขยับฐานะเงินหยวนให้เป็นที่ยอมรับเป็นทุนสำรองเงิน รองรับการขยับฐานะเงินหยวนให้เป็นที่ยอมรับเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศในอนาคต
ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า สกุลเงินหยวนมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในตลาดการเงินโลก ล่าสุดมีการใช้เงินหยวนทำธุรกรรมมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสกุลเงินเหรียญสหรัฐ แซงหน้าเงินยูโรและเยน ภายในเวลาไม่กี่ปี ซึ่งไม่เพียงเกิดจากการค้าข้ามพรมแดนจากจีนเท่านั้น แต่ยังมีความนิยมใช้เงินหยวนนอกตลาดจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น ในฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์

สำหรับประเทศไทยยังมีศักยภาพในการทำธุรกรรมเงิน หยวนเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากปัจจุบันการค้าระหว่างไทย-จีน มีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 6.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่มีการใช้เงินหยวนไม่ถึง 1% ธนาคารกรุงเทพจึงจะผลักดันให้ลูกค้าที่ทำการค้ากับจีนหันมาเสนอราคาเป็น สกุลเงินหยวน เพราะสามารถ ลดต้นทุนการสวอปเงินสกุลที่ 3 และเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจมีกำไร เพิ่มขึ้น

สำหรับการที่จีนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจภายในจนทำให้ชะลอลงไปบ้าง แต่ธนาคารกรุงเทพยังมองว่า เศรษฐกิจจีนปีนี้น่าจะเติบโต 7% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลจีนตั้งไว้ และเป็นการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ขณะที่การค้าขาย การลงทุน และการท่องเที่ยวจากจีนมาไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนว่าตลาดจีนมีความหมายและเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจไทยมากขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนลูกค้าของธนาคารที่ประกอบธุรกิจในจีน ยังเติบโตได้เรื่อยๆ เช่นเดียวกับผลประกอบการของธนาคารกรุงเทพ (จีน) เติบโตไปตามเศรษฐกิจของจีน ยังไม่มีสัญญาณที่น่ากังวล ลูกค้ายังชำระเงินกู้ได้เป็นปกติ ยังไม่มีการปรับแผนธุรกิจในจีน เช่นเดียวกับอัตราการเติบโตของสินเชื่อในจีน ยังเป็นไปตามประมาณการ

หนิงฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ระบุว่า การชำระเงินหยวนในไทยมีทิศทางเพิ่มขึ้น หลังมีการตั้งธนาคารชำระดุลเงินหยวน โดยปีที่แล้วเติบโตราว 13% หรืออยู่ที่ 5,570 ล้านเหรียญสหรัฐ มีการชำระเงินผ่านยูเนียนเพย์ 1.56 หมื่นล้านหยวน เพิ่มขึ้น 10% แต่ระบบการชำระเงินระหว่างกันยังต้องพัฒนาอีกมาก เนื่องจากมี นักท่องเที่ยวจีนที่ไม่สามารถใช้บัตรยูเนียนเพย์ในไทยได้อย่างแพร่หลาย ใช้ได้เพียงโรงแรมหรือห้างขนาดใหญ่เท่านั้นคณิต สีห์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ผู้นำเข้าสินค้าจากจีนจะได้เปรียบจากการเสนอราคาเป็นสกุลเงินหยวน มากกว่าการใช้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ เพราะดอกเบี้ยสหรัฐต่ำ อยู่ที่ 0.25% การตั้งราคาจะเผื่อดอกเบี้ยขึ้น ทำให้ราคาแพง ส่วนดอกเบี้ยขึ้น ทำให้ราคาแพง ส่วนดอกเบี้ยจีนสูงถึง 3% การตั้งราคาจึงเผื่อลดลง จากข้อมูลพบว่าการเสนอราคานำเข้าเป็นสกุลเงินหยวน ลดต้นทุนได้เฉลี่ย 2-4%

"อีกด้านหนึ่งผู้นำเข้าจีน จะได้เปรียบจากการเสนอราคาเป็นหยวนเช่นกัน ดังนั้นผู้ส่งออกไทยต้องรู้จักต่อรองให้เป็น โดยยกข้อได้เปรียบของสกุลเงิน ต้นทุนการผลิตในจีนที่ต่ำ และการส่งเสริมของรัฐบาลจีน มาต่อรอง เพื่อให้ผู้ส่งออกไทยส่งออกได้ในราคาที่ดีที่สุด หรือถ้าได้ราคาไม่ดี ก็แนะนำให้ผู้ส่งออกใช้สกุลเงินอื่นที่ได้เปรียบกว่าแทน" คณิต กล่าว


ที่มา posttoday

โดย...ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์