แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะทำงานข้าวถุง ที่มีนางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน
ได้ข้อสรุปแนวทางการทำข้าวถุงราคาถูกให้ประชาชน โดยจะเปิดให้สหกรณ์การเกษตรเสนอตัวดำเนินการจัดทำข้าวถุง ซึ่งค่าใช้จ่ายให้คิดเป็นค่าตอบแทนเป็นข้าวสัดส่วน 1 ต่อ 1.5-1.6 สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเช่น ค่าถุงและค่าปรับปรุงสภาพ เบื้องต้นกำหนดทำข้าวถุงขนาด 2 กก. ราคาถุงละ 33 บาท ปริมาณรวม 5,000 ตัน หรือ 2.5 ล้านถุง หากคำนวณในเชิงธุรกิจ ผู้ที่ดำเนินการจะมีส่วนต่างกำไรที่เฉลี่ยถุงละ 5 บาท หรือ 12.5 ล้านบาท จากส่วนต่างราคาขายที่ กก.ละ 16.50 บาท แต่ราคาข้าวสารในท้องตลาดอยู่ที่ กก.ละ 11.50 บาท ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาข้าวถุงในตลาด ข้าวขาวถุงละ 5 กก. ราคา 70-90 บาท ขณะที่ต้นทุนราคาข้าวสารในท้องตลาดเฉลี่ยที่ถุงละ 60 บาท หรือ ข้าวสารกก.ละ12 บาทคูณ 5 กก. หากรวมค่าบริหารจัดการ จะเฉลี่ยจำหน่ายในราคาจริงไม่เกินกก.ละ 65 บาท เท่านั้น หรือเฉลี่ย กก.ละ 13 บาท ทำให้ข้าวถุงของรัฐบาลจะมีราคาถูกกว่าท้องตลาดเฉลี่ย 20% ตามเป้าหมาย
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ส่งออกออกข้าวเดือนพฤษภาคม 2558
กลับมาทำสถิติสูงสุดรอบปี มีปริมาณ 9.45 แสนตัน เพิ่มขึ้น 7.3% เทียบกับพ.ค. 2557 ที่มีปริมาณการส่งออก 8.81 แสนตัน รวมมูลค่า 1.41 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกข้าวชนิดสำคัญ เช่น ข้าวขาว 5.07 แสนตัน ข้าวนึ่ง 2.11 แสนตัน และข้าวหอมมะลิ 2.01 แสนตัน สาเหตุส่งออกเดือนพ.ค.เพิ่มสูงสุดรอบปี เกิดจากการส่งมอบข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับจีนและฟิลิปปินส์ ที่ค้างการส่งมอบ ประกอบกับเม.ย.มีวันหยุดยาวทำให้ปริมาณการส่งออกส่วนใหญ่จึงทะลักเข้ามาในเดือนพ.ค. โดยหากแยกตัวเลขการส่งมอบข้าวจีทูจี 2 แสนกว่าตัน ที่เหลือเป็นการส่งออกข้าวในช่องทางปกติ 7 แสนตัน ก็ถือว่าปริมาณการส่งออกยังไม่กระเตื้องเท่าไหร่ คาดเดือนมิ.ย.ส่งออกปริมาณ 8 แสนตัน ลดต่ำกว่าเดือนพ.ค. เนื่องจากไทยส่งมอบข้าวให้ฟิลิปปินส์ครบหมดแล้ว เหลือแต่การส่งมอบให้จีน ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ที่จีนส่งมาว่าจะขนข้าวออกไปได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นจึงยังประเมินว่าการส่งออกข้าวในปีนี้น่าจะได้ประมาณ 9-10 ล้านตัน โดยต้องพิจารณาปัจจัยในช่วงครึ่งปีหลังคือสถานการณ์ภัยแล้ง
ส่วนกรณีที่พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เตรียมเรียกผู้ส่งออกข้าวและผู้ประกอบการโรงสีมาหารือเพื่อผลักดันราคาข้าว
หลังเกิดกระแสการทุบราคาข้าวในช่วงก่อนการประมูลข้าวสต๊อกรัฐบาล นั้น มองว่าการทุบราคาข้าวในตลาด เพื่อหวังซื้อข้าวสต๊อกรัฐบาลในราคาถูกนั้น เป็นไปได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากรัฐบาลมีการกำหนดราคาขั้นต่ำ (ฟลอร์ไพรซ์) ในการเปิดประมูลข้าวแต่ละคลัง ซึ่งหากต่ำกว่าราคาฟลอร์ไพรซ์รัฐบาลก็ไม่อนุมัติขาย ดังนั้นโอกาสในการร่วมมือกันทุบราคาของภาคเอกชนจึงไม่น่าจะมีความเป็นไปได้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
